กระแส "ลาบูบู้" เริ่มแผ่ว กดหุ้น Pop Mart ดิ่งราว 40%

กระแสลาบูบู้ที่เคยแรงแบบติดเทอร์โบ กำลังถูกจับตาว่ากำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัว หลังหุ้น Pop Mart International Group ผู้ผลิตของเล่นคาแรกเตอร์จากจีน ปรับลงราวร้อยละ 40จากช่วงก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่านักลงทุนเริ่มกังวลความยั่งยืนของกระแส และตั้งคำถามว่าคาแรกเตอร์หลักของบริษัทจะยืนระยะได้แค่ไหนในระยะยาว

ปัจจัยกดดันสำคัญมาจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดเติบโตสูงของ Pop Mart โดยข้อมูลทางเลือกจาก YipitData ระบุว่า อัตราการเติบโตรายได้ในอเมริกาเหนือช่วงไตรมาสปัจจุบันถึงวันที่ 6 ธันวาคม อยู่ที่กว่า 4 เท่า หรือ 424% แม้ยังเป็นตัวเลขสูง แต่ชะลอลงมากเมื่อเทียบกับช่วงสามเดือนถึงกันยายน ส่งผลให้ตลาดตีความว่าแรงส่งหลังพีคอาจเริ่มแผ่วลง โดยเฉพาะเมื่อประเมินคู่กับผลลัพธ์ช่วง Black Friday ที่ถูกมองว่าน่าผิดหวัง และสัญญาณความต้องการในตลาดรีเซลที่ซาลง

อีกด้านหนึ่ง ตลาดเริ่มเห็นการกลับมาของการเดิมพันฝั่งลบต่อหุ้น Pop Mart โดยข้อมูลจาก S&P Global ถูกอ้างอิงว่าแรงเดิมพันขาลงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 ซึ่งสะท้อนมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นของนักลงทุนต่อภาพการเติบโตระยะสั้นและความเสี่ยงของการพึ่งพาคาแรกเตอร์ตัวเดียว

กระแสความกังวลยิ่งชัดเมื่อเกิดการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต เช่น ฟองสบู่ของเล่นสะสมยุค 1990 อย่าง Beanie Babies ที่เคยพุ่งแรงจากความหายากและการเก็งกำไร ก่อนจะย่อลงเมื่อซัพพลายเพิ่มและผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนความสนใจ ซึ่งทำให้โจทย์ใหญ่ของ Pop Mart ไม่ใช่แค่ยอดขายรายไตรมาส แต่คือการพิสูจน์ว่า ลาบูบู้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สร้างจักรวาลคอนเทนต์และสินค้าต่อเนื่องได้เหมือนค่ายคาแรกเตอร์ระดับโลก หรือเป็นเทรนด์แฟชันที่หมดอายุเร็ว

อย่างไรก็ดี ภาพอีกด้านยังชี้ว่าอาจไม่ใช่สัญญาณกระแสพังทลายทั้งหมด เพราะรายงานของ Reuters ก่อนหน้านี้ระบุว่า ราคาตลาดรีเซลของลาบูบู้ที่ลดลงในหลายช่วงเวลา อาจเกิดจากภาวะซัพพลายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าจะเป็นดีมานด์หายไปทันที และบริษัทยังเดินหน้าเร่งกำลังผลิตและขยายสาขาต่างประเทศ รวมถึงการทำตลาดในหลายภูมิภาค

ดังนั้น คำถามว่าแนวลาบูบู้ยั่งยืนหรือแค่กระแส อาจต้องแยกเป็นสองชั้น ชั้นแรกคือกระแสไวรัลและการเก็งกำไรในรีเซลที่อาจผันผวนได้เร็ว ส่วนชั้นที่สองคือความสามารถของ Pop Mart ในการต่อยอดคาแรกเตอร์ให้เป็นแฟรนไชส์ระยะยาว ผ่านสินค้าหลากหมวด การเล่าเรื่อง การร่วมมือแบรนด์ และการสร้างตัวละครใหม่มาถ่วงสมดุล หากทำได้ ตลาดอาจมองการย่อตัวครั้งนี้เป็นการพักฐาน แต่หากแรงส่งต่างประเทศชะลอลงต่อเนื่อง ความกังวลเรื่องอายุสั้นของเทรนด์ก็อาจกลับมากดดันอีกระลอก