รู้จัก MOU43 คืออะไร แล้วมีความสำคัญอย่างไร กับชายแดนไทย-กัมพูชา

เป็นเรื่องที่ร้อนแรงกันอยู่ช่วงนี้ เมื่อเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารไทย และกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี สร้างความตึงเครียดให้กับทั้ง 2 ฝ่าย หวั่นความขัดแย้งขยายตัว
ท้ายที่สุด ทั้ง 2 ประเทศก็เห็นชอบด้วยการ ถอนกำลังทหารออกจากแนวปะทะ 200 เมตร, ใช้ JBC แก้ปมเขตแดน และเน้นความร่วมมือเพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างประเทศ
แต่สิ่งหนึ่งที่มีการพูดถึงเช่นกัน ก่อนจะได้ข้อยุติ คือ ความต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศ ปฏิบัติตาม MOU 2543
แล้ว MOU 2543 คืออะไร ?
MOU 2543 หรือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2543 เป็นบันทึกข้อตกลงที่ไทยกับกัมพูชาลงนามกันเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 มีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่าง 2 ฝ่าย ที่มีมาอย่างยาวนาน เช่น บางพื้นที่มีความไม่ชัดเจนเรื่องเขตแนวเดิมที่เคยทำตั้งแต่สนธิสัญญากำหนดเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส จนทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน และกลายเป็นข้อพิพาท โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร
ความเป็นมาของ MOU ฉบับนี้ ต้องย้อนไปเมื่อปี 2537 หลังจากกัมพูชาสามารถจัดการปัญกาการเมืองภายในและจัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐบาลไทยและกัมพูชา จึงเริ่มต้นเจราจาปัญหาเขตแดนอีกครั้ง
เหตุผลหลักที่ไทยต้องการเจรจาปัญหาเขตแดนกับกัมพูชา คือ
1. ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 30 ปี หลังจากศาลโลกพิพากษาให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาในปี 2505
2. เหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับลาว บริเวณบ้านร่มเกล้า ชายแดนจังหวัดพิษณุโลก ทำให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาเขตแดนและนำไปสู่ความจำเป็นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน
3. รัฐบาลมีนโยบายไม่ให้เรื่องเขตแดนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของกฎหมายและเรื่องทางเทคนิค
4. รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นที่จะใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการเจรจาเขตแดน
ดังนั้น เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมจัดทำหลักเขตแดนสำหรับเขตแดนทางบก หรือ JBC
ต่อมาในการประชุม คณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 1 (30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2542) ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ขึ้นและเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ของทั้งสองฝ่าย คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และวาร์ กิม ฮง ที่ปรึกษารัฐบาลผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ได้ลงนามใน MOU 2543
โดย MOU 2543 ข้อ 1 กำหนดว่า “ไทยและกัมพูชาจะร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาให้เป็นไปตามเอกสารต่อไปนี้
(ก) อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม รัตนโกสินทรศก 112 (ค.ศ.1893) ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่น ๆ ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 122 (ค.ศ. 1904)
(ข) สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ค.ศ. 1907) กับพิธีสารว่าด้วยการปักปันเขตแดน แนบท้ายสนธิสัญญา ฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ค.ศ. 1907) และ
(ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีนซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส”
ทั้งนี้ MOU 2543 ไม่ใช่การกำหนดเขตแดนแต่เป็น MOU ที่ 2 ฝ่ายตกลงกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://image.mfa.go.th/mfa/0/mkKfL2iULZ/migrate_directory/news-20130128-152037-410753.pdf