แบงก์ใหญ่NIMไม่ถูกกดดันจับตาลดดบ.รอบสุดท้าย

#กนง. #ทันหุ้น – กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี สะท้อนความผิดหวังนักลงทุนที่คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่เห็นเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ ช่วยหนุน NIM ไม่ถูกกดดัน พร้อมแนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ที่คาดงบ Q3/2568 แข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นที่เคยได้รับอานิสงส์จากโครงการคนละครึ่งพลัส ขณะที่คาดการณ์กนง. จะปรับดอกเบี้ยลดลงอีก 1 ครั้ง เหลือ 1.25% ต่อปีในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2568 นี้
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง คงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ต่อปี ขณะที่อีก 2 เสียงเสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.5% ต่อปีเป็น 1.25% ต่อปีเพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องและภาระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง
พร้อมประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจปี 2568 อยู่ที่ 2.2% และปี 2569 อยู่ที่ 1.6% มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ โดยภาคส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะทยอยฟื้นตัว อีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในระดับหนึ่งโดยได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
*ลุ้นลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับการประเมินของ KS Research เบื้องต้นคาดว่า คณะกรรมการกนง.คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะสั้น หลังรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบผ่านโครงการ Quick Win อาทิ การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครี่งพลัส โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ประมาณ 0.2-0.3% และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ประมาณ 0.1-0.2% (จากที่ประมาณการการขยายตัวของ GDP ปี 2568 ที่ทำไว้ 1.8%
อย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์ว่า คณะกรรมการ กนง. จะปรับดอกเบี้ยลดลงอีก 1 ครั้งเหลือ 1.25% ต่อปีในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2568 นี้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2568 (2H/68) มีโอกาสชะลอตัวลงในในกรอบ 0.6% (+/-) กดดันจากผลกระทบเชิงลบจากมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เงินเฟ้อเดือนล่าสุดปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ -0.72% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
“ยังคงมุมมองต่อนโยบายการเงินของประเทศไทยจะเข้าสู่วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลง (Easing Cycle) ตั้งแต่ปลายปี 2568 จนถึงกลางปี 2569 จากแรงกดดันภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจที่เติบโตช้า แม้จะมีนโยบายรัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ก็เป็นเพียงนโยบายระยะสั้น”
พร้อมกันนี้แนะนำในเชิงกลยุทธ์ ระมัดระวังแรงขายของกลุ่มการเงิน เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยเชิงบวกต่าง ๆ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศไปแล้ว และยังคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มค้าปลีก CPALL ราคาเหมาะสม 64.50 บาท CPAXT ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
*แบงก์ใหญ่ได้ประโยชน์
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อปี ตามที่คาด มอง SET Index มีโอกาสเห็นการตอบรับเชิงลบในระยะสั้น ท่ามกลางความผิดหวังของนักลงทุน หลังตลาดคาดเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง สะท้อนจาก Survey ของ Bloomberg ที่คาดว่า กนง.รอบนี้จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25%
ในทางกลับกันมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากการคงอัตราดอกเบี้ยจะไม่เพิ่มแรงกดดันต่อ NIM นอกจากนี้ มองหุ้นในกลุ่มธนาคารยังมีความน่าสนใจในการเก็งงบไตรมาส 3/2568 คาดว่ากำไรของทั้งกลุ่ม (นับเฉพาะที่ศึกษา) จะเติบโต 3.9% YoY และ 0.4% QoQ ประกอบกับ หุ้นในกลุ่มมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากโครงการคนละครึ่งพลัส สอดรับกับสถิติโครงการคนละครึ่งในเฟส 1-5 ซึ่งพบว่าในช่วงดำเนินโครงการกลุ่มธนาคารมีผลตอบแทนเฉลี่ย 15.1% นับว่า Outperformed เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบเฉลี่ยของ SET Index ที่ 6.9%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่คาดงบไตรมาส 3/2568 จะออกมาดี และมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Outperformed เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มธนาคารในช่วงดำเนินโครงการคนละครึ่ง เมื่อพิจารณาจากสถิติโครงการคนละครึ่งในเฟส 1-5
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
