ADB เปิดรับพันธมิตรลุยไบโอ บอร์ดใจป้ำสั่งปันผล 0.05บาท
ทันหุ้น – ADB อ้าแขนรับพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ “เอดีบี ไบโอ” ผลิตและจำหน่ายสินค้าทางชีวภาพ ด้านผู้บริหารเกาะติดราคาวัตถุดิบ บริหารต้นทุน หวังมาร์จิ้นพองโต พร้อมส่งสัญญาณปี 65 รายได้โตต่อ 20% จากปีนี้คาดยอดเข้าเป้า โชว์ 9 เดือน บุ๊กกำไรเข้ากระเป๋า 77.96 ล้านบาท ฟากบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือปีนี้ บริษัทจะติดตามราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากแนวโน้มวัตถุดิบมีท่าทีปรับตัวสูง บริษัทต้องเตรียมรับมือกับปัจจัยดังกล่าว อีกทั้งบริษัทจะเจรจากับลูกค้า เพื่อปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน
โฟกัสดันมาร์จิ้น
ขณะเดียวกันการบริหารต้นทุนที่ดีจะส่งผลต่อเนื่องให้กับธุรกิจปี 2565 ทั้งนี้แผนการดำเนินธุรกิจปี 2565 บริษัทจะเน้นการผลักดันอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ให้สูงขึ้น เนื่องจากลักษณะการประกอบธุรกิจของ ADB คือการจำหน่ายสินค้าตามปริมาณคำสั่งซื้อ ทำให้มาร์จิ้นเบาบาง ดังนั้นบริษัทจะหันมาโฟกัสการทำมาร์จิ้นให้ดีขึ้น ส่วนทิศทางรายได้ปี 2565 คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ราว 20%
ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนจะรุกตลาดส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว และผลิตภัณฑ์ยาแนว โดยมองเห็นช่องทางที่บริษัทยังเข้าถึง และจะเข้าไปในช่องทางดังกล่าว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก ส่วนกลุ่มผลิต PVC Compound กลุ่มสายไฟดีมานด์ยังคงมีอยู่ แต่ไม่หวือหวามากนัก
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มเครื่องจักรกลุ่มเม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ หรือ Medical Grade PVC Compound ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เช่น ถุงบรรจุเลือด ถุงมือแพทย์ หลอดเข็มฉีดยา มีอัตราการเติบโตที่ดี อีกทั้งมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เล็งพันธมิตรต่อยอด
ส่วน บริษัท เอดีบี ไบโอ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าทางชีวภาพ การจัดตั้งบริษัทย่อยนี้ เพื่อจัดหาวัตถุดิบย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่สามารถทดแทนพลาสติกแบบดั้งเดิม เพื่อรองรับการพัฒนาผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าทางชีวภาพ โดย ADB ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97% คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 2565 ซึ่งอาจจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีความพร้อมที่จะพัฒนาและวิจัยในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าทางชีวภาพ หากได้พันธมิตรเข้ามาร่วมต่อธุรกิจ บริษัทคาดจะเริ่มดำเนินการได้ทันที
ขณะที่ปีนี้แนวโน้มรายได้น่าจะได้ดีกว่าแผน จากเดิมตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้แตะ 1.5-1.6 พันล้านบาท จากปี 2563 ที่ทำได้ 1.38 พันล้านบาท แม้ในแต่ละไตรมาสจะมีอุปสรรค แต่บริษัทจะพยายามผลักดันการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตราว 80% คาดจะเพียงพอต่อออเดอร์ที่มีเข้ามา
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2564 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 394.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.62 ล้านบาท จากช่วงเดียวกับปีก่อนที่ 381.15 ล้านบาท หรือเติบโต 3.57% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.27 ล้านบาท ลดลง 15.42 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 26.69 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,243.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242.21 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 1,001.13 ล้านบาทหรือเติบโต 24.19% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.51 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 50.45 ล้านบาท หรือเติบโต 54.53%
โชว์ผลงานไตรมาส 3/64
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ที่ปรับตัวลดลง เป็นผลมาจาก 2 เดือนแรกของไตรมาส 3/2564 กรกฎาคมและสิงหาคมล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง ส่งผลให้รายได้และการส่งมอบสินค้าลดลงไปตามสถานการณ์ ขณะที่เดือนกันยายน ภาครัฐประกาศผ่อนคลาย ทำให้เดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น และกลับมาดูดี แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ผลประกอบการอาจจะสู้ไม่ได้ เพราะไตรมาส 3 ปีก่อน ประเทศไทยอยู่ในช่วงคลายล็อกดาวน์
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัท อนุมัติการจ่ายปันผล โดยจ่ายเป็นหุ้นสามัญ จำนวน ไม่เกิน 65,999,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้น ไม่เกิน 32,999,999บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น กรณีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นจากการคำนวณตามสัดส่วนการจัดสรรหุ้นปันผลดังกล่าวแล้ว บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดแทนการจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.05000 บาท
รวมการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทั้งในรูปแบบของหุ้นปันผลและเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.05556บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 36,669,598.89 บาท ซึ่งเงินปันผลทั้งหมดจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด