รีเซต

CPANEL ชูกลยุทธ์ Technology Driven ลุ้นทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้โต 25%

CPANEL ชูกลยุทธ์ Technology Driven ลุ้นทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้โต 25%
ทันหุ้น
21 มกราคม 2565 ( 13:24 )
84
CPANEL ชูกลยุทธ์ Technology Driven ลุ้นทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้โต 25%

ทันหุ้น - CPANEL เปิดแผนธุรกิจปี 65 ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven) ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ลุ้นผลประกอบการทำนิวไฮ ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 25%  พัฒนาเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน  หนุนความสามารถการทำกำไร พร้อมขยายฐานลูกค้าอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โชว์ Backlog 1,190 ล้านบาท ไตรมาสแรกจ่อเซ็นสัญญาลูกค้าเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท

 

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven) เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน  เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน  ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายผลประกอบการทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25%

 

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 65 บริษัทจะดำเนินการพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการออกแบบ ความรวดเร็ว ปริมาณ และคุณภาพ Precast Concrete เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต

 

นอกจากนี้  ยังมีแผนนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการประสานงานกับลูกค้า  การบริหารจัดการภายใน ลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่างๆ ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถการทำกำไรมากขึ้น

 

ส่วนแผนการขยายฐานลูกค้า  บริษัทยังคงรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง  โดยเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีแนวโน้มขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog)  ประมาณ 1,190 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 74% แนวสูง 16% ทยอยรับรู้ภายใน 3 ปี  นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทอยู่ระหว่างรอสัญญาจากลูกค้าแนวราบ 4  ราย แนวสูง 2 ราย มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท

 

ขณะที่  ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดี  เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว  กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาในหลายพื้นที่ ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการปลดล็อค LTV ส่งผลให้โครงการบ้านยังเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของบริษัท ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จึงวางแผนการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะใช้ Precast Concrete มากขึ้น

 

“จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการจะยิ่งสูงขึ้น โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา  ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน (Working Cap) ในการดำเนินงานได้ Precast Concrete สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี เนื่องจากเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่สั้น  ตั้งแต่ออกแบบจนถึงส่งมอบบ้านหลังแรกได้ภายใน 15 วันและหลังถัดไปได้ประมาณ 7 วันนับจากวันที่ลูกค้ายืนยันแบบ CPANEL จึงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชาคริต กล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง