ผู้ค้าแอลพีจีเริ่มล้มหาย ยอดขายดิ่ง-กำไรต่ำ-โควิดซ้ำ

นายสุรศักดิ์ อยู่คงพัน นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) กล่าวถึงกรณีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าหากร้านค้าใดไม่ปิดป้ายแนะนำราคา ค่าขนส่ง และบริการอื่นๆ และหากตรวจสอบพบจำหน่ายราคาสูงเกินสมควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น ขอยืนยันว่า ราคาแอลพีจีถังครัวเรือนขนาด 15 กิโลกรัมที่ล่าสุดปรับลดลงตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เหลือ 318 บาทหรือลดลงถังละ 45 บาทเป็นเวลา 3 เดือน(ตั้งแต่ 24 มีนาคม-24 มิถุนายน2563) เพื่อลดผลกระทบโควิด-19 ทางร้านค้าได้ติดป้ายแนะนำราคาอยู่แล้ว แต่ค่าขนส่งนั้นขึ้นอยู่กับระยะทางเฉลี่ยปัจจุบันจะเก็บ10- 20 บาทต่อถัง และบางที่ขนขึ้นอาคารสูงจะบวกอีก 5-10 บาทขึ้นอยู่กับการตกลงอีกด้วย

“ขณะนี้ราคาแอลพีจีไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมและราคาขายปลีกดังกล่าวเป็นราคาแนะนำที่ร้านค้าไม่รวมค่าขนส่ง ขึ้นอยู่กับระยะทางภาพรวม เก็บเฉลี่ยไม่เกิน 20 บาทต่อถัง(15กก.) หากประชาชนต้องการแอลพีจีถูกมารับถึงร้านจะได้ลดราคามากกว่าราคาแนะนำ เพราะต้องเข้าใจว่าแรงงานไทยหากยาก งานหนักไม่มีใครทำต้องอาศัยแรงงานต่างด้าว ยิ่งช่วงโควิด-19 แรงงานกลัวติดเชื้อเช่นกัน บางร้านต้องจ้างพิเศษ”นายสุรศักดิ์กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจแอลพีจีที่เผชิญหลายปัจจัย ทั้งค่าการตลาดแอลพีจีที่อยู่ระดับต่ำ แรงงานที่หายากและมีราคาแพง ประกอบกับการควบคุมของภาครัฐจากหลายหน่วยงานที่เข้าตรวจสอบ ทำให้ร้านค้าแอลพีจีหลายรายเลิกกิจการ นอกจากนี้ผลจากพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2563 ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรม โรงแรม ร้านค้าอาหาร หยุดกิจการตาม ยอดขายแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมภาพรวมลดลงเฉลี่ย 30-50% ภาพรวมทั้งปี 2563 การใช้มีแนวโน้มไม่เติบโตและอาจติดลบได้ขึ้นอยู่ว่าสถานการณ์ จากเฉลี่ยมีอัตราเติบโต3-5%ต่อปี

“ผู้ค้าส่วนใหญ่ยอดขายลดลง ส่วนกรณีครัวเรือนการที่ประชาชนอยู่บ้าน หรือทำงานอยู่ที่บ้าน ทำให้การใช้แอลพีจีเพิ่มแต่ภาพรวมไม่ได้มากนัก เพราะบางบ้านใช้เตาไฟฟ้า เน้นสั่งผ่านออนไลน์ ”นายสุรศักดิ์กล่าวย