หุ้นไทยย่อเพื่อไปต่อ? นักวิเคราะห์ชี้จังหวะ "ปรับพอร์ต" เข้ากลุ่มเด่น ค้าปลีก-รับเหมา-โรงไฟฟ้า

คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (6 มิ.ย. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมิถุนายนยังมีความเสี่ยงปรับตัวลง จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจนและแรงกดดันภายนอก โดยมีโอกาสลงทดสอบแนวรับ 1,120 จุด หรือ 1,100 จุด อย่างไรก็ตาม มองว่า ครึ่งปีหลัง 2568 จะดีกว่าครึ่งปีแรก และน่าจะเห็นจุดต่ำสุดของตลาดในช่วงนี้ แนะเป็นจังหวะในการปรับพอร์ต โดยหมุนออกจากหุ้น Global Play ที่ปรับขึ้นมาแล้ว มาเข้าลงทุนใน 6 กลุ่มหุ้น Domestic Play ที่คาดว่าจะกลับมาโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี 2568
มิ.ย. ครึ่งแรกยังเสี่ยง - รอการเมืองชัด - MSCI จบ
คุณณัฐพลประเมินว่า ปัจจัยกดดันหลักในระยะสั้นมาจาก:
- การเมืองในประเทศ: ความไม่แน่นอนกรณีของคุณทักษิณ (18 มิ.ย.) และความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ Country Risk Premium สูงขึ้น และกดดันหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play)
- การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ: แม้ไทยจะขอนัดเจรจาแล้ว แต่ยังไม่กำหนดวันชัดเจน ทำให้ตลาดไม่ตอบรับเชิงบวกเต็มที่
- ผลกระทบหลังปรับ MSCI: แม้การปรับดัชนีจะสิ้นสุดไปแล้ว (30 พ.ค.) แต่ตลาดยังต้องใช้เวลาปรับตัว
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ คาดว่า SET Index ในช่วงครึ่งเดือนแรกของมิถุนายนอาจปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,120 จุด และหากมีปัจจัยลบเพิ่มเติม อาจลงไปปิด Gap ที่ 1,100 จุด ได้
ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก - ได้เวลาหมุนเข้า Domestic Play
อย่างไรก็ตาม คุณณัฐพลเชื่อว่าครึ่งปีหลัง 2568 จะเป็นช่วงเวลาที่ดีขึ้น "ผมก็เลยคิดว่า เป็นไปได้ว่าเราน่าจะเห็น bottom ในช่วงนี้" โดยมีปัจจัยหนุนได้แก่:
- การเมืองคลี่คลาย: เชื่อว่าหลังวันที่ 18 มิ.ย. สถานการณ์การเมืองจะชัดเจนขึ้น อาจมีการปฏิรูปคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพและทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเดินหน้าได้
- เม็ดเงิน Thai ESG X: คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ราว 5-6 พันล้านบาทไหลเข้าตลาดหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- Valuation ไม่แพง: ตลาดหุ้นไทย Underperform ภูมิภาคอย่างมาก (เกือบ 30% YTD) ทำให้ Valuation น่าสนใจและอาจดึงดูดเม็ดเงินจากกองทุนที่มองหาโอกาสได้
เปิดโผ 6 กลุ่มหุ้นเด่นน่าลงทุนปี 2025 (ครึ่งปีหลัง):
คุณณัฐพลแนะกลยุทธ์ "สลับพอร์ต" จาก Global Play (ปิโตรเคมี, โรงกลั่น, ส่งออก) ที่ฟื้นตัวไปแล้ว มายังกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะกลับมา Outperform หลังการเมืองชัดเจน โดย 6 กลุ่มที่น่าสนใจและคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ได้แก่:
- ค้าปลีก
- อาหารและเครื่องดื่ม
- รับเหมาก่อสร้าง
- วัสดุก่อสร้าง
- โรงไฟฟ้า
- ไฟแนนซ์(กลุ่มการแพทย์ก็น่าสนใจ แต่ Valuation อาจยังแพงกว่ากลุ่มอื่น)
DELTA และ เกณฑ์ใหม่ / ทางเลือกการลงทุนใน DR จีน
- DELTA: ผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ที่จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 10% ใน SET50 (เริ่ม 1 ก.ค.) น่าจะถูกซึมซับไปมากแล้ว การเคลื่อนไหวของราคาหลังจากนี้น่าจะอิงกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า แต่ผลกระทบต่อดัชนีจะลดลง
- DR หุ้นจีน: ยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากจีนยังมีกระสุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจเหลืออีกมาก ซึ่งจะช่วยจำกัด Downside ของตลาดหุ้นจีนได้ และ Valuation น่าสนใจกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างตึงตัว โดย DR ที่น่าสนใจ เช่น MEITUAN19, CHMOBILE19, และ TENCENT19