OpenAI เตรียมเปิดให้ผู้ใหญ่เข้าถึงเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่บน ChatGPT เริ่มเดือนธันวาคมนี้

วันที่ 14 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท OpenAI เปิดเผยแผนการตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป บริษัท OpenAI จะเริ่มอนุญาตให้ผู้ใช้ ChatGPT ที่ผ่านการยืนยันว่าเป็นผู้ใหญ่ สามารถเข้าถึง เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ได้อย่างถูกต้องตามนโยบายใหม่ของบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการปฏิบัติต่อผู้ใหญ่เหมือนผู้ใหญ่มุ่งหมายให้ผู้ใช้มีอิสระในการเลือกมากขึ้นภายใต้กรอบความปลอดภัยที่เหมาะสม
การจำกัดเนื้อหาที่เข้มงวดมากขึ้น
แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ระบุในโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า "ที่ผ่านมา ChatGPT มีการจำกัดเนื้อหาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในด้านสุขภาพจิต เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบสร้างผลกระทบเชิงลบต่อผู้ใช้บางกลุ่ม"
เขายอมรับว่า “ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้ ChatGPT มีประโยชน์และความเพลิดเพลินน้อยลงสำหรับผู้ใช้หลายคนที่ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต”
อย่างไรก็ตาม บริษัท OpenAI ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยตรวจสอบและลดความเสี่ยงด้านจิตใจได้ดียิ่งขึ้น ทำให้บริษัทพร้อมจะผ่อนคลายข้อจำกัดบางส่วนได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า บริษัท OpenAI ยังเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับบุคลิกและโทนของแชทบอทได้มากขึ้น แซม อัลท์แมน อธิบายว่า "ผู้ใช้จะสามารถเลือกให้ ChatGPT มีลักษณะการตอบสนองแบบใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ใช้อีโมจิได้ตามต้องการ หรือแม้แต่ทำตัวเหมือนเพื่อนคุยได้ โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้
การประกาศของ บริษัท OpenAI มีขึ้นในวันเดียวกับที่ บริษัท เมตา (Meta) บริษัทแม่ของ Instagram เปิดตัวระบบควบคุมใหม่ เพื่อจำกัดเนื้อหาที่ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถดูได้ รวมถึงการใช้ฟิลเตอร์สำหรับเครื่องมือ AI เชิงสร้างสรรค์ โดยอ้างอิงหลักการจากระบบจัดเรตภาพยนตร์ระดับ PG-13 เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเยาวชน
แนวทางใหม่ของ OpenAI จึงสะท้อนถึงการปรับสมดุลระหว่าง “เสรีภาพของผู้ใหญ่” กับ “ความรับผิดชอบต่อผู้ใช้ทุกวัย” ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดมาตรฐานใหม่ของแพลตฟอร์ม AI เชิงสนทนาในอนาคต
ทิศทางใหม่ของ OpenAI
แนวคิดนี้สะท้อนทิศทางใหม่ของ OpenAI ที่ต้องการให้ ChatGPT กลายเป็น “ผู้ช่วยเสมือน” ที่ไม่เพียงตอบคำถามเชิงข้อมูล แต่ยังสามารถปรับโทน อารมณ์ และบุคลิกให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคนได้จริง เช่น เลือกให้พูดจาอบอุ่นเหมือนเพื่อนสนิท ใช้อีโมจิหรือภาษาพูดแบบกันเอง หรือแม้แต่สื่อสารอย่างเป็นทางการเหมือนผู้ช่วยในที่ทำงาน
ความสามารถเช่นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ AI แบบมีตัวตน (Personified AI) ที่มอบประสบการณ์การสนทนาใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
