ร้อง ป.ป.ช.สอบ ผอ.ปล่อย 5 ครูมุกดาหารข่มขืนนักเรียน
วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว พร้อมด้วย นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และตัวแทนเครือข่ายยุติความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน จำนวน 10 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. เรียกร้องให้ตรวจสอบนายราชัน อาจวิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบนคงมอนวิทยาคม ฐานปล่อยปละละเลย เพิกเฉยจนเกิดเหตุการณ์ ครู 5 คนและศิษย์เก่า 2 คน ข่มขืนนักเรียนอายุ 14 ปี มาต่อเนื่องยาวนานนับปี ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยมี นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. มาเป็นตัวแทนรับมอบ
นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิกามูลริเด็กเยาชนและครอบครัว กล่าวว่า กรณีนี้เหตุเกิดทั้งในสถานที่ราชการและสถานที่เอกชน ต่อเนื่องกันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2563 เป็นเวลานานร่วมปี เป็นเหตุให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเพราะมีข้าราชการครูถึง 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากนั้นยัง พบว่าคนกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ตั้งวงมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านพักครูเป็นประจำ จนนำไปสู่การชักชวนบุคล ภายนอกมากระทำความผิดทางอาญาเป็นลักษณะโทรมหญิงตามที่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งในเรื่องนี้หาก ผู้อำนวยการ
โรงเรียนมีการใสใจดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด คงต้องเห็นปัญหาและมีการตักเตือนกันตั้งแต่ปัญหาการตั้งวงดื่ม มั่วสุมกันแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดย่ามใจจนถึงขั้นก่อเหตุร้ายกับเด็กนักเรียนยาวนานขนาดนี้
นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น ถูกวิจารณ์ไปถึงต่างประทศ ก่อให้เกิดความสียหายต่อภาพลักษณ์ของวงการข้าราชการครู บุคคลากรการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ลดทอนความเชื่อมั่น ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการของรัฐบาลและ ประเทศชาติ ทางเครือข่าย จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเรียกร้อง ต่อ ป.ป.ช. เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้
1.ขอให้ ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้ ว่า ผอ.ท่านนี้ เข้าข่ายปฏิบัติหน้ำที่โดยมิชอบหรือละวันการปฏิติหน้ที่ ตามมาตรา 157 หรือไม่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎนำไปสู่การบังคับใช้ฎหมายและยังเป็นการป้องปรามผู้บริหารสถานศึกษาทุก ระดับ ให้ใส่ใจดูแลสถานศึกษา ครู นักเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่ลอยตัวเหนือปัญหา
2.ขอให้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่ง ให้กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติของข้าราชการครูให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบวินัย ข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรมเนียมของทางราชการ
3.เครือข่ายเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ของ ปปช. จะช่วยสร้งขวัญ กำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของชำราชการครู บุคลากร ทางการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการให้ดีขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ตลอดจนสร้างการ ยอมรับจากต่างประเทศ ตามอนุสัญญวาด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยได้ลงนามในฐานะรัฐภาคี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535 เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง