AI Police Cyborg หุ่นยนต์ตำรวจยุค AI จับผู้ต้องหาได้จริงแบบเรียลไทม์

จากหุ่นนิ่งสู่หุ่นจริง ตำรวจไทยเปิดเกมใหม่ด้วย AI Cyborg
ในยุคที่อาชญากรรมเปลี่ยนรูปแบบทุกวัน ตำรวจไทยเลือกใช้ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” มาเป็นแนวหน้าในการดูแลความปลอดภัย ล่าสุด “AI Police Cyborg 1.0” หุ่นตำรวจที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงหุ่นโชว์ แต่กลับสามารถจับผู้ต้องหาได้จริงถึง 14 ราย กลายเป็นต้นแบบการใช้ AI เพื่อคุมพื้นที่และลดภาระเจ้าหน้าที่อย่างได้ผล
------------------------
สาระสำคัญ
- หุ่น AI เชื่อมระบบกล้อง CCTV + โดรน + AI จดจำใบหน้า
- ตรวจจับใบหน้า ตำหนิ พฤติกรรม และอาวุธได้แบบเรียลไทม์
- ติดตั้งใน 4 จุด จับผู้ต้องหา 14 รายหลากหลายคดี
- ผบ.ตร.ชื่นชม เตรียมใช้เป็นต้นแบบสู่ทั่วประเทศ
- ใช้งบน้อย แต่ได้ผลจริง – คนร้ายต้องเริ่ม “กลัวกล้อง”
------------------------
เบื้องหลัง “พ.ต.อ.นครปฐม ปลอดภัย” ไม่ใช่แค่หุ่น แต่คือสมองกลครบระบบ
หุ่นตำรวจรุ่นนี้ ไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์ที่สะดุดตา แต่เต็มไปด้วยขีดความสามารถที่ออกแบบมาเพื่อ “เปลี่ยนภาพกล้องธรรมดาให้กลายเป็นกล้องอัจฉริยะ” ไม่ว่าจะเป็นระบบ Face Recognition ที่สามารถจับภาพใบหน้าเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลหมายจับ, Video Analytics วิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัย, ไปจนถึงการตรวจจับอาวุธและสถานการณ์เสี่ยงรุนแรงแบบเรียลไทม์
ข้อมูลจากกล้องรอบตัวหุ่น รวมถึง CCTV และโดรนในพื้นที่ จะถูกรวมเข้าสู่ CCOC (Command and Control Center) ศูนย์ควบคุมกลางของงานกิจกรรมสาธารณะ ช่วยให้ตำรวจไม่ต้องอยู่ทุกจุด แต่อยู่ “ทุกที่” ผ่านระบบ AI
จับจริง ไม่ใช่แค่โชว์ สถิติชี้ความสำเร็จจับผู้ต้องหา 14 รายใน 4 จุด
ผลการใช้งานจริงจากตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่า ระบบ AI Police Cyborg 1.0 ถูกติดตั้งในสถานที่ชุมชนอย่างสนามไก่ชน พุทธมณฑลสาย 5, ตลาดนัดเครื่องบิน, ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่ในเมืองนครปฐม และสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับรวม 14 ราย ครอบคลุมคดียาเสพติด พ.ร.บ.คอมฯ ฉ้อโกง ลักทรัพย์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สถานที่และจำนวนผู้ต้องหาที่จับกุมได้
สนามไก่ชน พุทธมณฑลสาย 5: 4 ราย
ตลาดนัดเครื่องบิน นครปฐม: 5 ราย
สภ.เมืองนครปฐม: 1 ราย
เซ็นทรัลศาลายา: 4 ราย
นวัตกรรมที่ “ผบ.ตร.” อยากให้คนร้ายรู้ว่าตำรวจมี
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า รู้สึกประทับใจในหุ่นตำรวจตัวนี้ที่คิดค้นโดยตำรวจภาค 7 และสนับสนุนโดยเทศบาลนครปฐม ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้ต้นทุนต่ำแต่ได้ผลจริง
“ประชาชนมายืนถ่ายรูปกับหุ่น โดยไม่รู้เลยว่ากล้องกำลังจับใบหน้าเทียบกับฐานข้อมูลอยู่ — นี่คือระบบที่เราอยากให้ประชาชนรู้ แต่คนร้ายต้องกลัว”
นอกจากจะประกาศมอบรางวัลให้ทีมพัฒนาแล้ว ยังเตรียมผลักดันให้ภาค 7 เป็นต้นแบบขยายระบบไปยังหน่วยอื่น ๆ ทั่วประเทศในระยะเวลา 6 เดือน
เมื่อตำรวจไทยเริ่มให้ AI “ตรวจตราแทนคน”
การมาของ AI Police Cyborg 1.0 ไม่ได้เป็นแค่ข่าวเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบความปลอดภัยไทย การใช้ AI เข้ามาช่วยเสริมกำลังตำรวจ ไม่เพียงลดความเหนื่อยล้า แต่ยังลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และลดโอกาสการสูญเสีย
ในอนาคต หุ่นยนต์แบบนี้อาจไม่ใช่แค่ตั้งโชว์ตามงาน แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ช่วยตรวจตราห้าง ตลาด โรงเรียน และพื้นที่สาธารณะทั่วประเทศ