LH 'กสิกรไทย' ปรับลดประมาณการกำไรจากยอดขายที่อ่อนแอ หั่นเป้าลงเป็น 8.6 บาท
#ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย ปรับประมาณการกำไรปกติปี 67-69 ของ LH ลง 14-18% เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่อ่อนแอกว่าคาดของธุรกิจที่อยู่อาศัย กำไรจากการขายสินทรัพย์จะรักษาเสถียรภาพของกำไรปี 67 YoY ยอดขายไตรมาส 2/67 คาดจะลดลง 25% QoQ และเพิ่มขึ้นเพียง 5% YoY จากฐานที่ต่ำมากเมื่อปีที่แล้ว กำไรไตรมาส 2/67 จะลดลง 14% YoY แต่ทรงตัว QoQ ส่งผลให้กำไรครึ่งแรกของปี 67 จะลดลง 12% YoY คงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้ลดราคาเป้าหมายลงเป็น 8.6 บาท จาก 9.4 บาทก็ตาม กำไรที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/67 และ DY ที่สูงกว่า 8% จะช่วยหนุนคำแนะนำของฝ่ายวิจัย
ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปกติของ LH ปี 2567-69 ลง 14% 18% และ 15% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าคาดในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงเป็นเหตุผลที่ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการยอดขายและรายได้ในช่วงปีดังกล่าวลง 25-26% และ 19-30% ตามลำดับ แต่ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้น(GPM) โดยรวมในช่วงปี้เหล่านี้ลง 0.5-1.0ppt อีกด้วย แม้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของธุรกิจให้เช่า (ค้าปลีกและโรงแรม) รวมถึงคงมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 5.3% เพื่อสะท้อนกำไรจากการขายสินทวัพย์ (เทอร์มินอล 21 พัทยา) ให้กับ LHSC ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันลบ.ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนของ LHSC แล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2567
ทั้งนี้ คาดว่า LH จะรายงานยอดขายไตรมาส 2/2567 ที่ 4.2 พันลบ. แม่ว่าตัวเลขดั่งกล่าวจะสูงกว่าระดับต่ำผิดปกติในไตรมาส 2/2566 อยู่ 5% แต่ถือว่าจะลดลง 25% QoQ ในมุมมองของฝ่ายวิจัย ยอดขายระดับนี้ยังเป็นระดับที่อ่อนแอเนื่องจากต่ำกว่ายอดขายเฉลี่ยรายไตรมาสในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ 6.7 พันลบ. มาก นอกจากนี้ยังทำได้เพียงหนุนยอดขายในครึ่งแรกของปี 2567 ให้อยู่ที่เพียง 9.8 พันลบ. ซึ่งคิดเป็นเพียง 32% ของเป้าหมายทั้งปีของ LH ที่ 3.1 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 18% ของเป้าหมายทั้งปีในไตรมาส 1/2567
นอกจากจะมีโครงการใหม่ขนาดกลางเพียงโครงการเดียวที่เปิดตัวในไตรมาสนี้ ได้แก่ มัณฑนา บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา (1.6 พันลบ.) วันหยุดยาวในช่วงเดือน เม.ย. และการแข่งขันที่สูงในตลาดถือเป็นปัจจัยสำคัญของผลประกอบการที่อ่อนแอดังกล่าว ทั้งนี้ LH ตัดสินใจชะลอการเปิดตัวยูนิตในโซน ซิตี๋วิว ที่โครงการ "วันเวลา ณ เจ้าพระยา" จากไตรมาส 2/2567 เนื่องจาก LH มองว่าตลาดไม่พร้อมรองรับยุนิตเหล่านี้
คาดกำไรไตรมาส 2/2567 จะลดลง 140 YoY แต่ทรงตัว QoQ โดยคาดจะรายงานกำไรไตรมาส 2/2567 ที่ 1.25 พันลบ. ลดลง 140 YOY แต่ทรงตัว QoQ แม้ว่า backlog ของโครงการแน่ราบในช่วงปลายไตรมาส 1/2567 จะปรับดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากนิตที่ขายแล้วแต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธ์ของโครงการใหม่ที่เปิดตัวในไตรมาส 1/2567 โดยเฉพาะโครงการ นันทวัน บางนา กม.15 ที่มี backlog กว่า 700 ลบ. ซึ่งมีกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2/2567 แต่ยอดขายโครงการแนวราบที่ลดลงในไตรมาส 2 ซึ่งแสดงให้ห็นว่ารายได้จากการขายและ GPM ไตรมาส 2/2567 จะทรงตัว QoQ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่า ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจให้เช่าจะทรงตัว QoQ จากปัจจัยบวกในช่วงวันหยุดยาวในเดือน เม.ย.ถึงต้นเดือน พ.ค. จะถูกหักล้างด้วยปริมาถนักท่องเที่ยงที่อ่อนแอในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ดังนั้นกำไรในครึ่งแรกของปี 2567 จะคิดเป็น 33% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ของฝ่ายวิจัย โดยคาดว่า LH จะสร้างกำไรอย่างมหาศาลจากการขายสินทรัพย์ที่พัทยาที่กล่าวไป ข้างต้น ซึ่งธุรกรรมจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2567
เพื่อสะท้อนถึงการปรับประมาณการกำไร โดยได้ปรับลดราคาเป้าหมายของ LH ลงเป็น 8.6 บาท จาก 9.4 บาท แม่ว่าฝ่ายวิจัยจะปรับปฐานราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยไปเป็นกลางปี 2568 จากสิ้นปี 2567 ก็ตาม จาก upside gain ที่ค่อนข้างดีที่ 43% จากราคาปิดล่าสุดต่อราคาเป้าหมายใหม่ของฝ่ายวิจัย และอัตราตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่ 8.3% คงคำแนะนำ "ซื้อ" ไว้ตามเดิมแม้ว่าราคาหุ้นในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ไม่ค่อยดีในไตรมาส2/2567 แต่มองว่าราคหุ้นที่ลดลงอย่างมากได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอนี้ไปมากแล้ว ขณะที่ DY ที่สูงซึ่งได้รับแรงหนุนจากกำไรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 4/2567 จะช่วยสนับสนุนราคาหุ้น LH