พ่อเลี้ยงสุดทนถูกลูกเลี้ยงฮุบที่ดิน ฆ่าฟันคอดับพร้อมแม่สุดท้ายยอมมอบตัว
นครพนม – พ่อเลี้ยงสุดทนถูกลูกเลี้ยงฮุบที่ดิน ฆ่าฟันคอดับพร้อมแม่สุดท้ายยอมมอบตัว สารภาพพร้อมรับกรรมในคุก
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 2 เมษายน 2563 ร.ต.อ.สัตยา คำวงษา รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาหว้า จ.นครพนม รับแจ้ง ว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายกัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 6 ต.นาคูณใหญ่ อ.นาหว้า จ.นครพนม จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า พร้อมประสานงานร่วมกับ ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลอำเภอนาหว้า และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบ ชันสูตรศพ โดยที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้าน ไม้ยกสูง พบสภาพศพผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกฟันด้วยของมีคมจมกองเลือด รายแรก ทราบชื่อ นางจิต บับพาน อายุ 68 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้า ถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ บริเวณลำคอ รวมถึงร่างกายหลายจุด ส่วนมือขวาถูกฟันขาดตรงข้อมือ กระเด็นตกห่างจากศพประมาณ 1 เมตร อีกราย ทราบว่า เป็นบุตรชายผู้ตาย คือ นายจันทยากร มีบาง อายุ 41 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้า ลักษณะคล้ายกระเสือกกระสน หนีเอาชีวิตรอด มีแผลถูกฟันด้วยของมีคม บริเวณต้นคอหวิดขาด รวมถึงใบหน้า ลำตัว มีแผลฉกรรจ์ หลายจุด เลือดนองเต็มพื้น ส่วนหลานชายอายุ 16 ปี รอดชีวิต ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐาน ชันสูตรศพ ประกอบการดำเนินคดี
เบื้องต้น พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า พร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน ได้เข้าไปสอบสวนหาสาเหตุ จนกระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือนายเวช บับพาน อายุ 65 ปี สามี ของ นางจิต บับพาน เอง เป็น ชาว อ.คำตะกล้า จ.สกลนคร หลังเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ซาเล้ง ไปติดต่อขอมอบตัว ที่ สภ.นาหว้า จ.นครพนม พร้อมนำอาวุธมีดตะขอยาวประมาณ 1 เมตร ที่ใช้ก่อเหตุ ติดตัวมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว ไว้ทำการสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
นายเวช บับพาน ให้การสารภาพเบื้องต้นว่า ตนได้มาแต่งงานใหม่ อยู่กินกับภรรยา คือ นางจิต บับพาน ตั้งแต่ประมาณปี 2532 โดยนางจิต มีลูกติด 1 คน คือ นายจันทยากร มีบาง อายุ 41 ปี ทำอาชีพทำไร่ ทำนา เลี้ยงโคกระบือ หารายได้จุนเจือครอบครัวมาตลอด ซึ่งช่วงที่มาอยู่กินกับภรรยา ตอนนั้นลูกเลี้ยงมีอายุประมาณ 9 ขวบ จากนั้นพอโตเป็นวัยรุ่น ได้ไปทำงานที่กรุงเทพ แต่งงานมีลูกชาย 1 คน จึงเอาหลานมาให้เลี้ยง ตั้งแต่ ประมาณ 7 -8 เดือน จนกระทั่ง เมื่อปีที่ผ่านมา ลูกเลี้ยง ได้กลับมาทำงานที่บ้าน ช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตร ส่วนภรรยายังทำงานที่กรุงเทพ เพราะอยากมาดูแล แม่และลูกชาย ที่เคยเอามาให้เลี้ยง ก่อนนี้ไม่มีปัญหากันมาก่อน แต่ภายหลัง ตนนำเงินที่สะสมมา จากการทำอาชีพเกษตร ไปซื้อที่นา จำนวน 4 ไร่ เมื่อปีที่แล้ว ในราคา 1.2 แสนบาท เพื่อหวังเก็บมาเป็นมรดก ไว้ให้ทำกิน สุดท้ายเกิดปัญหา หลังจาก ภรรยา และลูกเลี้ยง ขอให้ตนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดิน เป็นชื่อของลูกเลี้ยง ถึงแม้ตนไม่พอใจแต่ก็ยินยอม ไม่อยากมีปัญหา พอหลังจากโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4 ไร่ให้ กลายเป็นปมขัดแย้งในครอบครัว เพราะลูกเลี้ยงกับภรรยา เริ่มมีปัญหา เนื่องจากลูกเลี้ยงพยายามจะขับไล่ตนออกจากบ้านไม่อยากให้อยู่ ดุด่า กล่าวหาว่าสร้างปัญหาสารพัด แต่ตนอดทนมาตลอด จนกระทั่งก่อนนี้ ลูกเลี้ยงได้ดุด่าไล่ตนออกจากบ้านให้กลับไปอยู่บ้านเกิดที่สกลนคร ทำให้ตนเก็บกดมาตลอด
นายเวช สารภาพต่ออีกว่า จนกระทั่งช่วงเกิดเหตุ หลังกลับมาจากทำงานทำนา ลูกเลี้ยงพยายามพุดจาถากถาง เสียดสี ว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนจะตายเสีนที และไม่ยอมหนีออกจากบ้านสักที ทำให้ตนสุดทนโมโหสุดขีด ทั้งที่ทำงานเก็บเงินด้วยน้ำพักน้ำแรง จนซื้อที่ไว้ให้ 1.2 แสนบาท ซ้ำร้ายยังยอมโอนกรรมสิทธิ์ ให้ไปเรียบร้อย แต่ยังมาขับไสไล่ส่ง จนเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ตัดสินใจคว้ามีดตะขอ เดินเข้าไปฟันลูกเลี้ยงไม่ยั้ง หวังฆ่าให้ตายจะได้จบปัญหา ช่วงเกิดเหตุภรรยาได้เดินเข้ามา ตนคิดว่าเขาจะเอาอาวุธมาช่วยลูกชาย จึงตัดสินใจฟันไม่ยั้ง จนนอนแน่นิ่ง พอตั้งสติได้ก็พบว่าทั้งสอง เสียชีวิตหมดแล้ว จึงตัดสินใจ ขับรถจักรยานยนต์ซาเล้ง พร้อมเอาอาวุธมีด ติดตัวไป มอบตัวกับตำรวจ เพราะยอมรับทำไปเพื่อจบปัญหา และขอชดใช้กรรมในคุก รับไม่ได้กับปัญหาครอบครัว ส่วนหลานชาย อายุ 16 ปี ที่รอดชีวิตยอมรับรักเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดจะฆ่า ตั้งใจจะฆ่าแค่ภรรยา กับลูกเลี้ยง เพื่อจบปัญหาเท่านั้น