ศบค.ชี้เด็กฉีดวัคซีน เสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบน้อยกว่าเกิดจากโควิด6เท่า

ศบค.แจงยิบ เด็กฉีดวัคซีน เสี่ยงเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้อยกว่าโรคจากโควิดถึง 6 เท่า วอนพาบุตรฉีดไฟเซอร์ สร้างภูมิคุ้มกัน

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวถึงกรณีมีการรายงานผู้เสียชีวิต 102 คนว่า มีความเสี่ยงหลักมาจากสูงอายุและโรคประจำตัว คิดเป็น 94% ของผู้เสียชีวิต และเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม และยังมีข้อมูลของคนไข้ที่เสียชีวิตมีประวัติการสูบบุหรี่

ในวันนี้ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ได้ออกแถลงการณ์เน้นย้ำว่า บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าถือว่ามีอันตราย ทำให้พยาธิสภาพปอดนั้นผิดปกติ ประชาชนที่ติดเชื้อ โควิด-19 สามารถเกิดปอดอักเสบ ปอดบวม และระบบหายใจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ นี่คือข้อมูลของการติดโควิด-19 กับการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทางสมาพันธ์ฯ ยังเน้นย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย ไม่แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไป ทำให้เกิดโรคประจำตัวมากและโรคมะเร็ง ไม่สามารถช่วยเลิกบุหรี่ได้ และจากงานวิจัย ชัดเจนว่าแทนที่จะช่วยเลิกบุหรี่ แต่กลายเป็นติดทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ยิ่งทำให้ปอดพังเข้าไปอีก ดังนั้น ขอฝากถึงทุกคน ช่วยกันเน้นย้ำให้ข้อมูลประชาชน เพราะเมื่อเกิดระบาดโควิด-19 เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่กลายเป็นผู้มีความเสี่ยงและนำไปสู่การเสียชีวิต

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนยอดการฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 5 ต.ค. จำนวน 734,804 โดส ทำให้ยอดรวมของประเทศไทย มีคนได้รับวัคซีนไปแล้ว 56,656,247 โดส หรือคิดเป็น 46.5% ของประชากร เข็มสอง 21,595,916 โดส หรือ 30% ของประชากร เข็มสาม 1,554,444 คนคิดเป็น 2.2% ของประชากร

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.เป็นต้นไป เด็ก 12-17 ปี เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จึงขอเน้นย้ำผู้ปกครอง รวมถึงน้องๆทุกคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ให้สังเกตอาการตัวเองด้วย เนื่องจากมีรายงานต่อเนื่องเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อาการจะมีลักษณะเจ็บหรือแน่นหน้าอก หน้ามืด เป็นลม ต้องสังเกตอาการหลังฉีดไปแล้วภายใน 1 สัปดาห์ หากมีอาการให้รีบแจ้งผู้ปกครองและไปโรงพยาบาลใกล้บ้านให้เร็วที่สุด อย่าลืมให้ข้อมูลทางแพทย์ด้วยว่าได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปเมื่อวันที่เท่าไร

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.มีการฉีดไปแล้วเกือบ 30,000 คนทั่วประเทศ ย้ำว่ามีผู้ปกครองให้ความยินยอมลงทะเบียนมาแล้ว 3.5 ล้านคน ยังเหลืออีกเกือบ 1 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน และเมื่อสอบถามปรึกษาหมอเจ้าของไข้แล้วตัดสินใจพร้อมเมื่อไร สามารถติดต่อขอรับวัคซีนได้

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนที่ต้องเน้นย้ำ เพราะโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์โดยเฉพาะในเด็กที่ฉีดวัคซีน ในทางการแพทย์จะเป็นโรคที่มีการอักเสบของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ ที่มักพบได้บ่อย แต่ถ้าเทียบแล้ว เด็กที่ติดโควิด-19 มีการอักเสบของอวัยวะคิดเป็นอัตรา 16 ต่อ 1 แสน

แต่ถ้าเด็กได้รับวัคซีน โควิด-19 โอกาสจะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น น้อยกว่าจากการติดเชื้อถึง 6 เท่า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ CDC ของสหรัฐอเมริกาสรุปโดยผู้เชี่ยวชาญว่า อัตราเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีนนั้น เทียบแล้ว น้อยกว่าอย่างมากกับการที่เกิดโรคจากการที่ติดโควิด-19 จึงแนะนำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่จะนำไปสู่การเปิดโรงเรียนได้ในช่วงเดือนพ.ย.