เปิดข้อตกลงไทย - กัมพูชา ร่วมบริหารชายแดนสระแก้ว คุมมวลชนห่าง 500 ม.

วันนี้ ( 17 ก.ย. 68 )นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมประชุมหารือด้านความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องประชุมสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีนายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย และพล.ต.เป็จ วรรณา รองผู้บัญชาการกองกำลังทหารกัมพูชา ให้การต้อนรับและร่วมประชุม

การประชุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และบันเตียเมียนเจย ประสานงานร่วมกันเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

ข้อเสนอฝ่ายไทย

ฝ่ายไทยได้เสนอแนวทาง 8 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1. ทั้งสองฝ่ายควบคุมมวลชนไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่อ้างสิทธิ์ของอีกฝ่ายในระยะน้อยกว่า 500 เมตร

2. ไม่ปลุกระดมหรือเคลื่อนไหวมวลชนใกล้เขตพิพาท

3. ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศในพื้นที่อ้างสิทธิ์ หากมีการดำเนินการไปแล้วให้คืนสู่สภาพเดิมภายใน 1 วัน

4. ไม่เพิ่มกำลังทหารหรืออาวุธหนักในพื้นที่ชายแดน

5. จังหวัดสระแก้วสงวนสิทธิ์การออกเอกสารสิทธิในที่ดินของคนไทยในเขตอธิปไตยที่อยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์

6. ประชาชนทั้งสองประเทศสามารถทำกินในเขตอธิปไตยของตนเองได้ โดยห้ามขัดขวาง

7.หากเกิดเหตุไม่สงบในพื้นที่ใด ให้ประเทศนั้นรับผิดชอบแก้ไข

8. หากไม่สามารถตกลงได้ในการประชุม GBC ครั้งต่อไป จังหวัดสระแก้วจะมีหนังสือแจ้งให้ราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ถอนตัวออกภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายไทย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและหลีกเลี่ยงการปะทะ

ข้อเสนอฝ่ายกัมพูชา

ฝ่ายกัมพูชาได้ย้ำให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามผลการประชุมก่อนหน้า ได้แก่ ที่กัวลาลัมเปอร์ การประชุม RBC และ GBC รวมถึงปฏิบัติตาม MOU 43 และ TOR 2003 โดยเน้นหลีกเลี่ยงการกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และรอผลการหารือ JBC ต่อไป

ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชายังไม่อาจให้ความเห็นชอบข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 8 ข้อในทันที โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของหน่วยเหนือก่อน และจะแจ้งผลให้จังหวัดสระแก้วทราบในโอกาสต่อไป ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันจะยังคงรักษาอธิปไตยและสิทธิของตนภายใต้กฎหมายไทยต่อไป