SCB กำไร Q3/66 ที่ 9,663 ลบ. ลดลง 6.26% หลังตั้งสำรองพิเศษเพิ่ม

#SCB #ทันหุ้น- บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 3/66 มีกำไร 9,663.10 ล้านบาท ลดลง 6.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 10,308.62 ล้านบาท โดยมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มอีก จำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคตจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น
สำหรับเก้าเดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 32,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 จำนวน 11,782 ล้านบาท ลดลง 6.3% และมีกำไรสุทธิสำหรับเก้าเดือนแรกของปีจำนวน 36,627 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21.2%
ในไตรมาส 3 ของปี 2566 รายได้จากการดำเนินงานมีจำนวน 43,344 ล้านบาทเ พิ่มขึ้น 9.0% โดยแบ่งเป็นรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 31,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% จากการเติบโตของสินเชื่อ และการขยายตัวของส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ จำนวน 10,667 ล้านบาท ลดลง 9.2% และรายได้จากการลงทุนและการค้าเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัวจากปีที่แล้วมาเป็น 1,141 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 18,490 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ 42.7% ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น บริษัทฯ ได้ตั้งเงินสำรองพิเศษจำนวน 1,500 ล้านบาท ทำให้เงินสำรองที่ตั้งในไตรมาสนี้เป็นจำนวน 12,245 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อ (Credit cost) ที่ 2.01% โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 167.2%
คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 3.30% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.25% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 และเงินกองทุนรวมตามกฎหมายของบริษัทฯยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัท เอสซีบี เอกซ์ มีผลประกอบการที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2566 มีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างรัดกุม โดยธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม มีขีดความสามารถในการทำกำไรสูง บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองพิเศษเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น โดยคุณภาพสินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มที่ควบคุมได้ดี
บริษัทฯ เดินหน้าวางรากฐานในการสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวพื้นที่“AreaX by SCBX” ในบริเวณ “Siam Paragon Next Tech x SCBX” เพื่อสร้างชุมชนในการเรียนรู้และส่งเสริมนวัตกรรมและบริษัทฯ ได้เริ่มการท า R&D เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันระยะยาวในด้านต่างๆ รวมถึง SCBX GPT ที่จะเป็น Chat GPT ที่เข้าใจเรื่องการบริการทางการเงินและมีความเข้าใจภาษาไทย อีกทั้งกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ กำลังเดินหน้ามุ่งสู่การเป็น AI-first organization ที่มีปัญญาประดิษฐ์เป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ในอนาคต
บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2566 ที่ 2.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง