รีเซต

งานเข้า! ผู้ว่าฯนครพนม สั่งสอบ ผู้ใหญ่บ้านติดโควิด มาจากพื้นที่เสี่ยง ไม่กักตัว

งานเข้า! ผู้ว่าฯนครพนม สั่งสอบ ผู้ใหญ่บ้านติดโควิด มาจากพื้นที่เสี่ยง ไม่กักตัว
ข่าวสด
21 เมษายน 2564 ( 14:44 )
133

 

ข่าววันนี้ กรณีพบผู้ป่วยติดโควิด เป็นผู้ใหญ่บ้านเพศหญิงวัย 55 ปี พาลูกและหลานนำรถเก๋งป้ายแดงไปเจิมที่วัดโสภณธรรมาราม บ.น้ำก่ำ หมู่ 18 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ส่งผลให้พระเณร 11 รูปเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วัน ตามมาตรการ ตรวจหาเชื้อและพ่นยาฆ่าเชื้อรอบบริเวณวัดไปแล้วนั้น

 

 

ความคืบหน้า วันที่ 21 เม.ย. ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.นครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.นครพนม นพ.มานพ ฉลาดธัญกิจ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นครพนม และ นพ.สมโภช กังวานธีรวัฒน์ ผอ.รพ.นครพนม แถลงพบผู้ป่วยยืนยันล่าสุดอีก 7 ราย รายที่ 43-52 เพิ่มสะสม 59 ราย

 

 

นพ.มานพ กล่าวว่า กรณีพบผู้ป่วย 7 รายใหม่ สะสม 59 ราย ยังเชื่อมโยงไทม์ไลน์ของผู้ใหญ่บ้านติดเชื้อวิดรายที่ 48 รายที่ 53,54,55 เกี่ยวข้องหญิง 55 ปีรายนี้ วันที่ 9 เม.ย.เดินทางไปที่ จ.ปทุมธานี และกรุงเทพฯ เพื่ออบรมหลักสูตรผู้ใหญ่บ้าน วันที่ 10 เม.ย. ลูกสาวกับลูกเขยขับรถมารับแม่ จากนั้นลูกเขยและลูกสาว นั่งรถคันเดียวกันตลอด ช่วงนั้นลูกสาวกับลูกเขยยังไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ วันที่ 11 เม.ย. ก็ขับรถมาส่งแม่ ที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม วันที่ 16 เม.ย. เวลา 14.00 น. ลูกสาวและลูกเขยก็เดินทางกลับ

 

 

 

ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ น่าจะรู้ดีว่า จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีการติดเชื้อสูงอยู่แล้ว ยังเดินทางไปหลายสถานที่ โดยไม่มีการกักตัวแต่อย่าง มีสัมผัสเสี่ยงสูง 10-11 คน

 

 

รายที่ 53 เป็นลูกชาย ราย 54 เป็นลูกสาว หลายที่ 55 เป็นหลาน ผู้เสี่ยงสูงถูกกักตัวหมด คาดว่าผลจะออกอีก 2 รายในช่วงค่ำวันนี้

 

 

ด้าน นายไกรสร กล่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านติดโควิดไม่ผิด ที่ผิดคือไม่กักตัว ญาติพี่น้องมาจากพื้นที่เสี่ยง ตนเองไม่กักตัว แถมไม่กักตัวเขาอีก เราไม่ได้ซ้ำเติม ผู้ใหญ่บ้านรายนี้เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และยังเป็นเจ้าพนักงานของรัฐต้องรู้คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ ถ้าฝ่าฝืนมีโทษ ทางอาญา ทางแพ่ง ที่สำคัญผู้ใหญ่บ้านมีวินัย ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เขาสั่งให้กักตัวก็ไม่กัก ญาติพี่น้องมาก็ไม่กักตัว

 

 

 

 

เบื้องต้นตนได้สั่งการให้นายอำเภอธาตุพนม ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ให้ทราบผลภายใน 15 วัน ส่วนบทลงโทษต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะเข้าข้อหาความผิดวินัยฐานความผิดอะไร ถ้าไม่ร้ายแรงลดขั้นเงินเดือน ว่ากล่าวตักเตือนทัณฑ์บน อย่างแรงก็ไล่ออก ซึ่งมันไม่น่าจะเกิด ถึงจะเป็นรายแรกก็ไม่น่าจะมีเพราะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง