คุณตาหวิดเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลอกจับสลากได้รางวัลแล้วรีดเงิน ลูกถ่ายคลิปโวย ทำเผ่นกระเจิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ”ยังยิ้มได้ อยู่” ลงคลิปโพสต์เรื่องราวเตือนภัย ถึงผู้ปล่อยให้คนแก่อยู่บ้านเพียงลำพัง ว่า “ดีนะครับผมอยู่บ้าน ฝากพี่น้องชาวนครพนมนะครับผม ทำมาเป็นจับฉลากพอได้รางวัลจะให้เสียตัง ฝากพี่น้องชาวนครพนมด้วยนะครับผม” พร้อมมีคลิปภาพระหว่างเกิดเหตุการณ์โต้เถียงกับแก๊งมิจฉาชีพรวมทั้งหมด 2 คลิป ซึ่งคลิปดังกล่าวลงโพสต์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 14.59 น. มีคนแสดงความคิดเห็นแล้ว 33 รายการ กดไลค์ 91 และแชร์สู่สาธารณะ 191 ครั้ง
ล่าสุด วันที่ 1 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านสำราญ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม พบตัวผู้ใช้เฟซบุ๊ก ”ยังยิ้มได้ อยู่” ทราบว่ามีชื่อจริงว่า นายชัชวาล ใสส่อง อายุ 42 ปี เป็นลูกชายของนายทองเหรียญ ใสส่อง อายุ 86 ปี เผยว่าตนเองเป็นผู้ลงโพสต์ดังกล่าวจริง เพื่อต้องการเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครพนมทราบ และให้ระมัดระวังอย่าให้คนแก่อยู่บ้านเพียงลำพัง
นายทองเหรียญ วัย 86 ปี เล่าว่า วันดังกล่าวตนได้เดินไปบ้านญาติที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง เพื่อนอนเล่นคลายร้อน ระหว่างนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอด แล้วมีผู้หญิง 2 คน เดินลงมาพร้อมชักชวนให้จับสลากแลกรางวัล สินค้าที่นำมาให้จับฉลากเป็นสบู่ไม่จำว่ายี่ห้ออะไร ตนจึงลองจับสลากดูกล่องแรกไม่มีรางวัล คนขายคะยั้นคะยอให้ตนจับกล่องที่สองต่อ แต่ตนไม่ยอมจับคนขายก็เปิดกล่องสบู่ไปเรื่อยๆ
“จนมาถึงกล่องที่ 5 ก็บอกให้ลองจับดู ด้วยความรำคาญก็เลยจับมาเปิดพบว่าที่ฝาด้านในมีรูปนาฬิกา คนขายบอกว่าตาโชคดีแล้วได้นาฬิกา 1 เรือน สามารถซื้อได้ในราคา 2,200 บาท แต่ขณะนั้นตนมีเงินไม่พอและรู้สึกว่าคนขายเอามือจับที่สะโพกหลายครั้ง มีอาการเคลิ้มๆ คล้ายอยากจะควักเงินให้เขา จึงลุกเดินกลับมาที่บ้าน คนพวกนั้นก็ขับรถยนต์ตามหลังมา ตนได้เข้าไปขอเงินจากนางยงผู้เป็นภรรยาจำนวน 1,000 บาท เพราะในกระเป๋าตัวเองมีเพียง 1,200 บาท เอามายื่นให้คนขายที่เป็นผู้หญิงที่ประตูหน้าบ้าน”
ขณะนั้นนายชัชวาลลูกชายนอนอยู่ที่เปลข้างบ้าน ร้องถามว่าเอาอะไรมาขาย เขาตอบกลับมาว่าตาโชคดีจับสลากได้นาฬิกาต้องจ่ายเงินให้ 2,200 บาท ลูกชายถามกลับนาฬิกายี่ห้ออะไรทำไมถึงแพงจัง แล้วก็ลุกจากเปลมาจับนาฬิกาเรือนดังกล่าวแล้วบอกกลับไปว่าราคาจริงไม่น่าเกิน 500 บาท
จากนั้นกลุ่มคนขายที่มาด้วยกัน 3 คน รีบเดินไปที่รถเตรียมจะขับหนี นายชัชวาลจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปแล้วเดินไปที่รถยนต์ แก๊งมิจฉาชีพบอกห้ามถ่าย แต่ลูกชายบอกว่าจะถ่ายมีอะไรไหม จากนั้นก็ดึงเงินจากมือผู้หญิงคนนั้น และถ่ายคลิปต่อไปเรื่อยๆ พร้อมตะโกนเรียกเพื่อนให้โทรศัพท์แจ้ง 191 คนพวกนั้นจึงรีบขับรถหลบหนีไป ซึ่งนายทองเหรียญบอกว่าหากลูกชายไม่อยู่บ้านตนคงเสียเงิน 2,200 บาทอย่างแน่นอน
ด้านนายชัชวาลเปิดเผยว่า เมื่อดูลักษณะท่าทางแล้ว คนพวกนี้ทำงานกันเป็นทีม ขณะที่ตนโวยวายก็มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนประกบ พูดจาโน้มน้าวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น แต่ตนขณะนั้นมีอารมณ์โกรธมากจึงไม่ได้สนใจ คิดอย่างเดียวต้องถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และลงโพสต์เตือนภัยว่าแก๊งมิจฉาชีพมาถึงนครพนมแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีนางประวาน มองเคน อายุ 71 ปี มีบ้านอยู่ติดกันได้เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ว่า เคยมีแก๊งมิจฉาชีพนำพระพุทธรูปมาเร่ขายให้กับทวด นั่งคุยตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงเที่ยงก็ยังไม่ไปไหน กระทั่งตนกลับมาจากวัดพบว่ายายทวดกำลังจะปลดสร้อยคอ 2 สลึงให้มิจฉาชีพรายนั้น
นางประวาน ระบุอีกว่า เห็นว่าพวกนี้ไม่ชอบมาพากลแน่จึงคว้ามีดอีโต้ไล่หนีไป แต่พวกนั้นยังไม่วายจะเวียนมาหายายทวดเพื่อหลอกขายพระ โชคดีมีคนอยู่บ้านหลายคนพวกนั้นจึงล้มเลิกความตั้งใจ ทุกวันนี้ลูกหลานจึงไม่ปล่อยให้คนแก่อยู่ บ้านเพียงคนเดียว หากไม่มีใครอยู่ก็สั่งห้ามออกมานอกบ้านเด็ดขาด