ป้าช็อก! จู่ๆ โดนปิดหมายยึดบ้าน มีชื่อโผล่เป็นจำเลยติดหนี้แบงก์ ทั้งที่ไม่เคยไปกู้เงิน
ข่าววันนี้ 9 มี.ค.65 นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อม นายเกริกโกวิท ชานันโท อายุ 45 ปี ลูกเขย นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับ จ.บุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์มาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วานนี้ (8 มี.ค.)
โดยหมายบังคับคดีดังกล่าวระบุว่า “เจ้าพนักงานบังคับคดี ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ศาลจังหวัดพิมาย ได้มีหมายบังคับคดีให้จัดการยึดทรัพย์ของจำเลยทั้ง 5 และบัดนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของ นางสมัย พิมเสน จำเลยที่ 1 ไว้แล้ว คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 2902 เลขที่ดิน 22 หน้าสำรวจ 1526 ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เลขที่ ไม่ปรากฎเลขทะเบียน ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำให้เสียหาย จำหน่ายจ่ายโอน หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ทรัพย์ที่ยึดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นอันขาด” ทั้งนี้ จนท.ยังได้ยื่นหมายบังคับคดี คำพิพากษาศาลจังหวัดพิมาย ที่ระบุว่า นางสมัย พิมเสน ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทย์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้สิน พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท แก่ทางธนาคาร
ซึ่ง นางสมัย ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นบุคคลตามที่มีหมายบังคับคดีมาปิดประกาศยึดทรัพย์ และไม่ได้เป็นบุคคลตามที่ธนาคารฟ้องจนถูกศาลพิพากษา ระบุว่าเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระหนี้ธนาคาร เพราะตนไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารดังกล่าวเลย และไม่เคยรู้จักกับจำเลยอีก 4 คนตามที่ระบุในหมายด้วย เชื่อว่าน่าจะเกิดความผิดพลาด หรือเป็นการส่งหมายผิดคนและผิดบ้านมากกว่า เพราะไม่เคยกู้เงินกับธนาคารนี้เลยจะเป็นหนี้ได้ยังไง
แต่ยอมรับว่าหลังมีหมายบังคับคดีปิดประกาศยึดทรัพย์ มาแปะที่หน้าบ้านก็เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย จึงอยากให้สำนักงานบังคับคดี และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งหากเกิดจากความผิดพลาดของ จนท.จริง ก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบ เพราะทำให้ได้รับความเสียหายอับอาย และกระทบต่อสุขภาพจิตด้วย
ด้าน นายเกริกโกวิท ซึ่งเป็นลูกเขย และในฐานะที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน หลังที่ จนท.มาปิดหมายยัดทรัพย์ บอกว่า ตอนที่ จนท.มาปิดหมายบังคับคดีหน้าบ้าน มีเพียงแม่ยายอยู่ที่บ้าน แต่ จนท.ก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพียงนำหมายมาปิดและยื่นเอกสารคำพิพากษาศาลให้เท่านั้น ส่วนบ้านที่ จนท.นำหมายมาปิดก็มีชื่อของตนเป็นเจ้าบ้าน ส่วนพ่อตาแม่ยายมีชื่ออยู่อีกหลัง อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามแม่ยายก็ยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมกับธนาคารไหนเลย แต่ทำไมมีชื่อตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระเงินธนาคาร
และหากแม่ยาย เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวจริง ทำไมที่ผ่านมาไม่เคยมีคำฟ้องส่งมาหาจำเลย ไม่มีหมายวันนัดขึ้นศาลอะไรเลย แต่จู่ๆ ก็นำหมายบังคับคดียึดทรัพย์มาปิดที่หน้าบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดมากกว่า ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นการปิดหมายผิดคนผิดบ้านเพราะชื่อนาม สกุล อาจจะตรงกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เพราะกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เสียหาย อับอาย และกระทบสุขภาพจิตทั้งตัวแม่ยาย และคนในครอบครัวด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามที่สำนักงานบังคับคดีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งทาง ผอ.ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล เพียงให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะมีการนัดทั้งสองฝ่ายที่สอบถามและพูดคุยกันก่อน