ทุบได้ไม่ต้องเสียดาย! 'รถรับ-ส่งน.ร.' สอนเด็กเอาตัวรอดหากติดในรถ
คนขับรถตู้รับส่งนักเรียนในจังหวัดขอนแก่น มั่นใจดูแลเด็กอย่างดี ไม่มีลืมเด็กแน่นอน ตรวจเช็คก่อนขึ้น-ลง รถทุกครั้ง พร้อมสอนวิธีการเอาตัวรอดให้กับเด็ก หากเกิดเหตุการณ์ติดอยู่ในรถตู้ให้ใช้ค้อนทุบกระจกรถได้โดยไม่ต้องเสียดาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยจนต้องสูญเสีย
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจจุดจอดรถตู้รับส่งนักเรียนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนสนามบินขอนแก่น ไปสอบถามคนขับรถตู้รับส่งนักเรียน ถึงมาตรการความปลอดภัยให้กับเด็ก ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินกับเด็กเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
นายพินิจ เมฆวัน อายุ 62 ปี คนขับรถตู้ เปิดเผยว่า ตนเองขับรถตู้รับส่งนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาประมาณ 7 ปีแล้ว โดยจะรับส่งจากอำเภอชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม มาส่งที่โรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร โดยการรับส่งนักเรียนในทุกเช้าตนเองจะขับรถไปรับเด็กถึงหน้าบ้านทุกคน แล้วทยอยมาส่งที่โรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น และทุกครั้งที่เด็กจะลงรถ ตนเองจะเป็นคนมาเปิดประตูให้เด็กขึ้นลงตลอด และต้องเช็คชื่อตลอดว่าใครลงรถแล้วบ้าง และหลังจากส่งเด็กเป็นคนสุดท้าย ก็จะมาตรวจสอบความเรียบร้อยรถทุกครั้ง เพราะต้องทำความสะอาดเก็บกวาดรถ เพื่อรอรับเด็กนักเรียนเลิกเรียนในช่วงเย็น ซึ่งถ้าหากเด็กคนไหนพ่อแม่ผู้ปกครองมารับ จะต้องโทรศัพท์มาบอกตนเองทุกครั้ง หรือ ถ้าเด็กไม่โทรมา ตนเองก็จะโทรไปถาม ก่อนจะออกรถ เพื่อความแน่ใจ ส่วนมาตรการในการป้องกันเด็กในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือเด็กติดอยู่ในรถตู้ ตนเองจะคอยสอนเด็กเสมอว่าหากเกิดเหตุการณ์ติดอยู่ในรถตู้ ให้ใช้ค้อนเคาะกระจกที่ติดไว้ที่บริเวณข้างรถ แล้วเคาะกระจกรถให้แตก โดยไม่ต้องเสียดายกระจก และนอกจากนี้ก็สอนให้เด็กรู้วิธีการเปิดประตูรถตู้ กดแตรส่งสัญญาณ หากเกิดเหตุการณ์ติดอยู่ในรถ
เช่นเดียวกันกับนายสมพงศ์ สารคาม อายุ 65 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ที่มีประสบการณ์ในการขับรถตู้รับส่งนักเรียนมาแล้วกว่า 30 ปี บอกว่า การขับรถตู้รับส่งนักเรียนไม่ใช่เพียงแต่แค่รับส่งนักเรียนเท่านั้น ต้องมีใจรักในการดูแลเด็ก ให้เปรียบเสมือนลูกหลานของตนเอง เพราะกว่าผู้ปกครองจะไว้ใจให้มารับส่งลูกหลานของเขา เราต้องดูแลทั้งความปลอดภัย เอาใจใส่เด็กด้วย ส่วนในเรื่องกรณีที่มีข่าวว่าโรงเรียนลืมเด็กนักเรียนไว้ในรถตู้ อันดับแรกตนเองมองว่า ปัญหาน่าจะมาจากคนที่ดูแลเด็ก ที่ไม่เอาใจใส่ ไม่ตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนปิดประตูรถ เพราะบางครั้งเด็กเวลาขึ้นรถตู้มักจะเผลอนอนหลับ และยิ่งเป็นรถตู้แบบใหม่จะมีที่นั่งเป็นแบบเบาะนั่งสูง อาจจะทำให้คนขับและคนดูแลมองไม่เห็นด้านหลัง อีกทั้งรถตู้แบบใหม่จะมีระบบล็อกอัตโนมัติ ถ้าเด็กไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ก็จะทำให้เด็กไม่รู้วิธีการเปิดประตู ฉะนั้นแล้วครูหรือคนดูแล คนขับ ต้องลงมาตรวจเช็คเด็กทุกครั้ง ว่า เด็กลงรถครบหมดทุกคนหรือยัง และโรงเรียนต้องสอนวิธีการเอาตัวรอดให้กับเด็กกรณีติดอยู่ในรถด้วย เพื่อเด็กจะได้เรียนรู้วีธีการเอาตัวรอดได้ หากเด็กอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและอยู่คนเดียว ส่วนตนเองจะคอยสอนให้เด็กรู้จักวิธีการเปิดรถ บีบแตรส่งสัญญาณ และการใช้ค้อนเคาะกระจกรถให้แตก อีกทั้งรถตู้รับส่งเด็กนักเรียนในจังหวัดขอนแก่นทุกคันต้องผ่านมาตรฐานของสำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่นก่อน ถึงจะสามารถออกมาขับรถรับส่งนักเรียนได้