TMILL ลั่นยอดขายฟื้นปี64 เร่งอัพมาร์จิ้น-ลดต้นทุน
![TMILL ลั่นยอดขายฟื้นปี64 เร่งอัพมาร์จิ้น-ลดต้นทุน](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
ทันหุ้น - สู้โควิด – TMILL มั่นใจยอดขาย-รายได้กลับมาเติบโตในปีหน้า เชื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ปักเป้ารายได้โต 5-10% ต่อปี ส่วนผลงานปีนี้คาดใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,485.83 ล้านบาท มุ่งดันมาร์จิ้น พร้อมลดต้นทุนบริหารจัดการ
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อํานวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จํากัด (มหาชน) หรือTMILL เปิดเผยว่า มั่นใจยอดขายและรายได้จะกลับมามีการเติบโตในทางที่ดีขึ้นในปี 2564 เป็นต้นไป หากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถควบคุมได้และมีการนำวัคซีนออกมาใช้ได้จริง เชื่อว่าสถานะการทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นผู้บริโภคมีกำลังใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ
เป้ารายได้โต5-10%
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายของผลการดำเนินงานในปี 2564 จะยังผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ซึ่งยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายจากทางผู้บริหารที่จะผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตทุกปี ขณะที่ทิศทางรายได้ในปี 2563 นี้ เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงปีก่อน 1,485.83 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี การผลักดันให้เกิดการเติบโตของรายได้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่บริษัทจะมุ่งเน้นผลักดันมาร์จิ้นให้เติบโตเพิ่มขึ้น จากการลดต้นทุน และติดตามราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างผลการดำเนินงานและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 มองว่ายังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าโดยปกติจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ แต่เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อให้ชะลอตัวลง ทำให้กลุ่มลูกค้ามีการปรับลดกำลังการผลิตและคำสั่งซื้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ลดลง ประกอบกับจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ยังคงรุนแรงทำให้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่อาจปรับขึ้นราคาขายได้
บริหารต้นทุนที่ดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ดีและมีความเหมาะสมมากที่สุด ตลอดจนการความสำคัญในด้านการบริหารจัดการวัตถุดิบคงคลัง (Stock) ตลอดจนการปรับสูตรให้มีความเหมาะสมต่อความต้องการของลูกค้าโดยที่คุณภาพต้องดีเท่าเดิม
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็น SMEs โดยเฉพาะในเขตปริมณฑลและหัวเมืองหลักต่างๆ ตามต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นฐานลูกค้าใหม่ๆ กระจายความเสี่ยงจากการรับออเดอร์ในกรุงเทพและปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากลูกค้ารายใหญ่ และเพื่อผลักดันกำลังการผลิตไปเป็นไปตามเป้าหมาย 80% จากปีปัจจุบันใช้อยู่ที่ 75% และใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทวางเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตไปอยู่ที่ระดับ 90-95% และยังไม่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตการโม่แป้งแต่อย่างใด