“สว.อุปกิต” พร้อมแจงเหตุเลื่อนฟังคำสั่งคดี ยืนยันสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยถึงการขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมากรณีถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานฟอกเงิน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติว่า เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสมัยประชุม ทำให้ตลอดทั้งวันนั้นมีวาระการประชุมทั้งวุฒิสภารวมถึงคณะกรรมาธิการที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ ทั้งนี้ขอทำความเข้าใจว่า การเลื่อนนัดครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ตามที่ปรากฎเป็นข่าว เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนกระบวนการระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและวุฒิสภา ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะเข้าไปเกี่ยวข้องดำเนินการแต่อย่างใด
นายอุปกิต กล่าวว่า การเลื่อนนัดกับอัยการสูงสุดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เป็นไปตามการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนของสื่อมวลชนซึ่งอ้างคำแถลงของนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ตนเคยใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2566 มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในข้อเท็จจริงการเลื่อนนัดวันที่ 26 ก.ค. เป็นวันที่ 28 ส.ค.2566 นั้น เนื่องจากอัยการสูงสุดยังพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จต่างหาก
นายอุปกิต กล่าวตั้งข้อสังเกตว่า มีการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่อ้างข้อมูลซึ่งสร้างความเข้าใจผิดและมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน จากนายโกศลวัฒน์ หลายครั้ง เช่น เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 ตนเดินทางเข้าพบพนักงานอัยการด้วยตนเอง เพื่อชี้แจงกรณีนายรังสิมันต์ โรม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นเรื่องให้เอาผิดตน แต่นายโกศลวัฒน์ กลับแจ้งสื่อมวลชนให้เข้าใจผิดว่า ตนเข้ามอบตัว พร้อมถูกแจ้งข้อกล่าวหา และอ้างว่า มีการนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 17 เม.ย.2566 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงขณะนั้นยังไม่มีการออกหมายเรียก และต่อมาพนักงานอัยการได้นัดหมายให้ตนเข้ารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. 2566
นายอุปกิต กล่าวยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรมมาตลอด โดยในวันที่ 20 เม.ย. 2566 ตนพร้อมทนายก็ได้เข้ารายงานตัวตามนัดที่ สำนักงานอัยการ ตลิ่งชั่น แต่เป็นเพราะอัยการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงได้เลื่อนนัดให้มารายงานตัวในวันที่ 18 พ.ค. 2566 ซึ่งตนพร้อมทนายก็ได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามนัด แต่อัยการก็ยังทำสำนวนไม่แล้วเสร็จอีก จึงเลื่อนนัดเป็นวันที่ 26 ก.ค. 2566 และต่อมาเลื่อนนัดอีกครั้งเป็นวันที่ 28 ส.ค.2566 เพราะสำนวนอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาและสอบสวนพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก รวมแล้วที่ผ่านมาตนได้เข้าพบพนักงานอัยการ 4 ครั้ง ซึ่งอัยการเป็นฝ่ายเลื่อนนัดตลอด
นายอุปกิต กล่าวว่า การให้ข้อมูลแก่สาธารณะควรมีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะนายโกศลวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความยุติธรรม ยิ่งจะต้องดำรงบทบาทสถานะเพื่อให้สังคมมีความเชื่อมั่น ทั้งนี้ตนยืนยันในความบริสุทธิ์และจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดเพื่อเอาผิดทุกคนที่สร้างความเสื่อมเสีย สร้างความดูหมิ่นเกลียดชัง ให้แก่ตนและวงศ์ตระกูล