รีเซต

19 จังหวัดเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อน 26,250 ครัวเรือน

19 จังหวัดเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อน 26,250 ครัวเรือน
TNN ช่อง16
26 กันยายน 2567 ( 11:01 )
12

26 ก.ย. 67 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าในระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 26 ก.ย. 67 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 36 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานีปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 193 อำเภอ 845 ตำบล 4,355 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 170,780 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 49 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน 


ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย เลย หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 72 อำเภอ 268 ตำบล 1,132 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,250 ครัวเรือน รายละเอียด ดังนี้ 


1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เมืองฯ และ อ.เวียงป่าเป้า รวม 10 ตำบล 35 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,501 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

2) เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่ริม และ อ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,027 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

3) แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ปาย รวม 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง

4) น่าน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.นาน้อย อ.นาหมื่น และ อ.เวียงสา รวม 9 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 96 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

5) ลำปาง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.งาว อ.เมืองฯ อ.เกาะคา อ.ห้างฉัตร อ.แม่พริก อ.สบปราบ อ.เถิน อ.แม่เมาะ อ.วังเหนือ อ.แม่ทะ และ อ.แจ้ห่ม รวม 42 ตำบล 181 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,024ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

6) ลำพูน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ป่าซาง อ.บ้านธิ อ.ทุ่งหัวช้าง อ.แม่ทา รวม 21 ตำบล 100หมู่บ้าน ระดับน้ำทรงตัว

7) แพร่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ลอง อ.วังชิ้น อ.สูงเม่น และ อ.แม่ทา รวม 11 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 819 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

8. ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตาก รวม 4 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

9) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ชนแดน อ.ศรีเทพ อ.หล่มเก่า และ อ.หนองไผ่ รวม 5 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

10) พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมืองฯ อ.บางกระทุ่ม และ อ.วังทอง รวม 15 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,057 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

11) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สวรรคโลก และ อ.ศรีสำโรง รวม 7 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 563 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

12) เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมืองฯ รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 109 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

13) หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมืองฯ และ อ.โพนพิสัย รวม 26 ตำบล 146 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,717 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

14) อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สร้างคอม รวม 6 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 270 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

15) ขอนแก่น เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านไผ่ อ.แวงน้อย อ.แวงใหญ่ รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 330 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

16) ชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.คอนสวรรค์ อ.เมืองฯ อ.บ้านแท่น อ.ภูเขียว และ อ.แก้งคร้อ รวม 15 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 82 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

17) อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เขมราฐ อ.โพธไทร อ.นาตาล อ.โขงเจียม และ อ.เมืองฯ รวม 11 ตำบล 90 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 340 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

18) ปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ประจันตคาม อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี และ อ.ศรีมหาโพธิ รวม 5 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 240 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

19) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 64 ตำบล 287 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,917 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว


กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ พื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงช่วยฟื้นฟูถนนหนทาง อาคารบ้านเรือน ในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด


กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง และปักหลักช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง 



ภาพจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง