ร้านอาหารในจีนถอดเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ ออกจากเมนูเหตุจากสงครามการค้าทรัมป์

ผลจากนโยบายภาษีของทรัมป์ยังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทำให้ร้านอาหารสไตล์อเมริกันบางแห่งอย่างที่ร้าน Home Plate BBQ ในกรุงปักกิ่งของจีนต้องถอดเมนู “เนื้อวัวอเมริกัน” หรือ American Beef ออกจากรายการอาหารของร้านซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเมนูเด็ดของร้านที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาลองชิม รอยเตอร์สรายงานว่าเนื้อวัวของร้าน Home Plate BBQ ก่อนหน้านี้ใช้เนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด แต่หลังจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ร้านก็ได้นำเข้าเนื้อจากออสเตรเลียมากขึ้น โดยในแต่ละเดือนร้านดังกล่าวต้องนำเข้าเนื้อประมาณ 7 - 8 ตัน หรือประมาณ 7,000 - 8,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งทันทีที่เนื้ออเมริกันหมดสต๊อกในร้านในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้ ร้านอาหารก็จะนำเนื้อวัวออสเตรเลียประเภท M5 มาให้บริการลูกค้าแทนทันที
เนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของทรัมป์และเพราะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากทำให้การจับจ่ายเพื่อนำเข้าเนื้อวัวอเมริกันที่มีราคาแพงอาจไม่สามารถทำได้อีกต่อไป หัวหน้าแผนกฝ่ายปฏิบัติการของร้านอาหาร Home Plate กล่าวว่าการนำเข้าเนื้อวัวจากออสเตรเลียเข้ามาแทนเนื้อจากสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้คุณภาพของอาหารลดลงเพราะทั้งรสชาติและคุณภาพของเนื้อวัว M5 ออสเตรเลียนั้นแทบจะไม่ต่างกับวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ แต่ร้านอาหารจำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะแรงกดดันของตลาดและภาษีศุลกากร เช่นเดียวกันกับ “ซี่โครงหมู” ที่ร้านจะเปลี่ยนจากการนำเข้าจากสหรัฐฯ มานำเข้าจากแคนาดาแทน
อย่างไรก็ตาม ร้านอาหาร Home Plate ยังคงไม่เปิดเผยราคาของอาหารเมื่อพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้เนื้อวัวออสเตรเลีย แต่คาดว่าราคาจะต่ำกว่าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ เพราะเนื้อวัวออสเตรเลียมีราคาถูกกว่าเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ร้านอาหารได้ทดลองเสิร์ฟเนื้อวัวออสเตรเลียให้ลูกค้ามาแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 เดือนและพบว่าลูกค้าของร้านค่อนข้างพอใจมากทีเดียว