SUSCO โค้งท้ายขายพีค เที่ยวบินดันน้ำมันเจ็ทโต
#SUSCO #ทันหุ้น – SUSCO แย้มยอดขายน้ำมัน 3 เดือนสุดท้ายเข้าสู่ช่วงพีค การเดินทางปลายปีหนุนปริมาณการขายน้ำมัน ด้านน้ำมันอากาศยาน (JET) ปีนี้สัญญาณการเติบโตเริ่มกลับมาชัดเจน หลังผู้คนกลับมาใช้การเดินทางทางอากาศมากขึ้นมั่นใจรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 20,184.77 ล้านบาท
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณการขายน้ำมันในช่วงเหลือของปีคาดว่าจะเติบโตตามไฮซีซันของธุรกิจ ในช่วงไตรมาสที่ 4/2565 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้คนเดินทางท่องเที่ยว มีการใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งปัจจุบันการแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทางด้านการเดินทางก็กลับมาสู่ปกติ ทั้งทางบกและทางอากาศ โดยในช่วงที่ผ่านมาปริมาณการขายน้ำมันของบริษัทถือว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“สำหรับปัจจุบันถือว่าเป็นช่วงที่ปริมาณการเติมน้ำมัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากมีฝนตก ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันคาดว่าจะชะลอตัวลงในระยะสั้นๆ และจะกลับมาสู้ปกติในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซัน”นายชัยฤทธิ์ กล่าว
*น้ำมันเครื่องบินหนุน
นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายน้ำมันอากาศยาน (JET) ที่เติบโตขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการเปิดประเทศ และปลดล็อกมาตรการต่างๆ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีผู้คนกลับมาใช้การเดินทางทางอากาศมากขึ้น โดยเห็นปริมาณการขายปรับตัวขึ้นประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับในช่วงที่ไม่มีการเดินทาง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
รวมถึงบริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากในช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ในการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันนั้น ช่วยให้ปริมาณการขายน้ำมันดีขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการทำการตลาดร่วมกัน ซึ่งยังเป็นแค่การร่วมมือกันทางธุรกิจเท่านั้น ยังไม่ได้มีแผนที่จะเข้าไปควบรวมกิจการกัน
*ลุ้นรายได้ทะลุ 2 หมื่นล.
อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าการเติบโตของรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่าปี 2564 ที่ทำได้ 20,184.77 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 16,218.89 ล้านบาท โดยมาจากปัจจัยบวกของสถานการณ์ โควิด-19 ที่ฟื้นตัวมากขึ้น และมีการเดินทางมากขึ้นกว่านี้ช่วงที่ล็อกดาวน์ ขณะที่ราคาน้ำมันปัจจุบันเริ่มปรับตัวคงที่ทำให้บริษัทเริ่มกลับมามียอดขายในระดับที่ดีขึ้น
ขณะที่การลงทุนปี 2565 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการเพิ่มอีก 20 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ปัจจุบันขยายไปแล้ว 10 แห่ง และจะเดินหน้าขยายเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังอีก 10 แห่ง เทียบกับปี 2564 ที่ขยายสถานีบริการน้ำมันได้ 15 สถานี โดยจะมีสถานีขนาดใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งเป็นสถานีให้บริการน้ำมันแบบ Complex, ศรีนครินทร์ และเอกชัย และในปี 2565 จะขยายปั๊มในลักษณะ Lifestyle มากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าในการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ทั้งการขยายร้านสะดวกซื้อ Lawson108 เป็นต้น
สำหรับในปี 2565 บริษัทจะเดินหน้าธุรกิจใหม่มาเสริมในกลุ่ม Non-Oil ด้วยการยกระดับสถานีบริการน้ำมัน ให้เป็น “คอมมูนิตี้มอลล์” แปลงพื้นที่ให้ตอบไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของผู้บริโภคมากขึ้น ภายใต้ชื่อ “SUSCO SQUARE” ซึ่งรวมปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด ศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ ไว้ครบในจุดเดียว โดยมีพันธมิตรเพิ่มขึ้น เช่น KFC, SUBWAY, D'Oro และ ร้านสตาร์บัคส์ (Starbucks) เป็นต้น