รีเซต

จีนอยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" หรือไม่?

จีนอยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" หรือไม่?
ทันหุ้น
6 กันยายน 2566 ( 15:53 )
70
จีนอยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" หรือไม่?

จีนอยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" หรือไม่?  IMF คาด GDP ของจีนจะแซงสหรัฐฯ ในปี 2573 สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากนโยบายของรัฐบาล และผลกระทบจากหลังการระบาดของโควิด-19

ตลาดหุ้นจีนตกต่ำ ดัชนีเศรษฐกิจอ่อนแอ (เช่น GDP การส่งออก การนำเข้า PMI ภาคการผลิตและบริการ การผลิตภาคอุตสาหกรรม)

จีนไม่ได้อยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" แต่เป็นยุค "ความปกติใหม่" ที่มีการเติบโตของ GDP และเงินเฟ้อต่ำ การประเมินมูลค่าหุ้นถูกเทียบกับสังคมสูงวัย หนี้ต่อ GDP

 

เกิดอะไรขึ้นในจีน?

IMF คาด GDP ของจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจาก GDP ที่ 25.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนที่ 25.32% ของ GDP โลก รองลงมาคือจีนที่ 17.96 ล้านล้านดอลลาร์ฯ หรือ 17.86% และญี่ปุ่นที่ 4.23 ล้านล้านดอลลาร์ฯ หรือ 4.21% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP ของจีนอาจแซงหน้าสหรัฐฯ ภายในปี 2573ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตราการทางภาษีและมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ต่อจีนในปี 2561 ขณะที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน มุ่งเน้นไปที่เซมิคอนดักเตอร์ และไต้หวัน

 

การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน"คือ สโลแกนทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) และได้ตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางสังคมและความเท่าเทียมทางเศษฐกิจในปี 2564 ดังนั้น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จึงถูกปราบปรามด้วยนโยบายต่อต้านการผูกขาด เช่น Tencent, Alibaba, Didi และ Meituan

 

นโยบาย "สามเส้นแดง" (Three Red Lines) ถูกนำมาใช้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ตามหลักการที่ว่า "บ้านมีไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร"รวมถึงสงครามการค้าและเทคโนโลยีที่เริ่มต้นโดยสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ผลกระทบหลังการระบาดของโควิด-19ได้แก่ การย้ายถิ่นฐาน การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (deglobalization) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อัตราการว่างงานของเยาวชนของจีนแตะระดับสูงสุดใหม่ในเดือน พ.ค. โดย 21.3% ของประชากรอายุ 16-24 ปี ไม่สามารถหางานได้ และรัฐบาลยกเลิกการรายงานข้อมูลดังกล่าว

ตลาดหุ้นตกต่ำ ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลง 22% และดัชนี CSI300 ลดลง 12% จากระดับสูงสุดในวันที่ 27 ม.ค.2566 จากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาธนาคารเงา (Shadow Banking) และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เพียงพอ ขณะที่กลุ่มเอเวอร์แกรนด์ (Evergrande Group) ยื่นขอล้มละลายตามหมวดที่ 15 ของกฎหมายล้มละลาย และบริษัท คันทรี การ์เดน (Country Garden) กำลังพยายามยื่นขอผ่อนผันชำระหนี้หุ้นกู้เอกชนภายในประเทศจำนวน 535.3 ล้านดอลลาร์ฯ ออกไปเป็นเวลา 40 วัน กองทรัสต์ยักษ์ใหญ่ของจีนพลาดการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์การบริหารความมั่งคั่ง ขณะที่ Zhongzhi Enterprise Group Co. (ZEG) ซึ่งเป็นธนาคารเงาที่บริหารเงินประมาณ 1 ล้านล้านหยวน 1.38 แสนล้านดอลลาร์ฯ เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมทรัสต์ที่มีมูลค่า 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ของจีน

 

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอ่อนแอ ประมาณการ GDP รายไตรมาสของจีนแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ค่อนข้างช้า โดยหากเทียบรายปีการเติบโตของ GDP ไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 4.5% และ 6.3% ในไตรมาส 2/2566 ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้า GDP ปีนี้ไว้ที่ 5% อัตราเงินเฟ้อลดลงจากระดับสูงสุดที่ 2.7% เป็นภาวะเงินฝืดที่ -0.3% ณ เดือน ก.ค. 2566 ขณะเดียวกัน PPI ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 13.5% เป็น -4.4%

 

ตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ลดลงต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงการหดตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ PMI ภาคบริการชะลอตัวลง การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงเป็น 3.7YOY การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรทรงตัวที่ 3.4% ยอดค้าปลีกลดลงเป็น 2.5% การส่งออกลดลง 14.5% และการนำเข้าลดลง 12.4%

 

การผ่อนคลายด้านนโยบาย จีนผ่อนคลายนโยบาย "สามเส้นแดง"และ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" ลดอากรแสตมปัการซื้อขายหุ้นจาก 0.1% เหลือ 0.05% ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วันลง 10 bps เหลือ 1.8% LPR 10 bps เหลือ 3.45% คง LPR อายุ 5 ปีที่ 4.2% ลด MLF ลง 15 bps เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ PBOC อยู่ที่ 1.5% เงินดาวน์ที่อยู่อาศัยขั้นต่ำทั่วประเทศจะกำหนดที่ 20% สำหรับผู้ซื้อครั้งแรก และ 30% สำหรับผู้ซื้อครั้งที่ 2 เมืองทางตะวันออกของจีนเสนอ "รางวัล" แก่คู่รักจำนวน 1,000 หยวน (137 ดอลลาร์ฯ) หากเจ้าสาวมีอายุ 25 ปี หรือน้อยกว่าเพื่อส่งเสริมอัตราการเกิด และนโยบายลูก 3 คนในปี 2564

จีนอยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" หรือไม่?

ปัจจัยเสี่ยงของจีน เครื่องมือทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น (LGFV) มีหนี้สินประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ หรือ 50% ของ GDP โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง "ฟิทช์ เรตติ้ง" รายงานว่าผลการทดสอบภาวะวิกฤดิ (stress test) ของ PBOC ต่อธนาคารจีน ซึ่งธนาคาร 9 แห่งไม่ผ่านการทดสอบวิกฤตขั้นรุนแรง 6 แห่งไม่ผ่านวิกฤติขั้นปานกลาง และ 4 แห่งไม่ผ่านวิกฤติขั้นเล็กน้อย ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่เป็นธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะธนาคารท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กมาก ขณะที่จำนวนธนาคารที่ "มีความเสี่ยงสูง" ที่ถูกระบุโดย PBOC ได้ลดลงครึ่งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 1.6% ของสินทรัพย์ระบบธนาคาร ณ สินปี 2565 แต่ยังแข็งแกร่งด้วยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวน 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นผ่านจดสูงสุดแล้วในปี 2533อัตราการเกิดที่ต่ำและจำนวนประชากรสูงวัยในจีนก่อให้เกิดความเสี่ยง ภายในปี 2578 ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะคิดเป็น 30% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ ซึ่งคล้ายคลึงกับญี่ปุ่น แต่ในแง่ของ GDP ต่อประชากร ญี่ปุ่นอยู่ที่ 25,371 ดอลลาร์ฯ (สูงกว่าสหรัฐฯ) ในปี 2533 เทียบกับปัจจุบันที่ 34,135 ดอลลาร์ฯ ขณะที่จีนอยู่ที่ 318 ดอลลาร์ฯ เทียบกับ 12,598 ดอลลาร์ฯ ในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเติบโตของรายได้นับจากนี้เป็นต้นไป

 

ความคล้ายคลึงกันของหนี้ต่อ GDP เพิ่งเริ่มต้น อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของจีนเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 280% เทียบกับ 269% ของญี่ปุ่นในปี 2532 และตอนนี้อยู่ที่ 1,328% ขณะที่หนี้ของรัฐบาลจีนต่อ GDP อยู่ที่ประมาณ 71% เทียบกับ 53% ของญี่ปุ่นในปี 2532 และตอนนี้อยู่ที่ 263% ดุลงบประมาณของจีน ญี่ปุ่น ไทย และสหรัฐฯ ขาดดุลมาโดยตลอด ประเทศส่วนใหญ่ขาดดุลเนื่องจากต้องการงบประมาณไว้ใช้สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และสวัสดิการสังคม ขณะที่รายได้ภาษียังไม่เพียงพอ

 

อุตสาหกรรมใหม่ (S-Curve) หนุนการเติบโต ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของจีนคาดว่าจะสูงถึง 8 ล้านคันในปี 2566 และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 35% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2568 ซึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอย่างมาก ด้านเซมิคอนดักเตอร์จีนเริ่มผลิตชิปขนาด 7 นาโนเมตรตั้งแต่ปีที่แล้ว ท่ามกลางการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ หากเทียบกับ TSMC และ Samsung ที่สามารถผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตร บล.กสิกรไทยเชื่อว่าจีนจะตามทันได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งในอดีตอย่าง รถไฟความเร็วสูงและเทคโนโลยีการบินและอวกาศ ปัจจัยอื่นๆ ที่สนับสนุน S-Curve ใหม่ อย่าง นิวเคลียร์วิชั่น ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง คอมพิวเตอร์ควอนตัม เทคโนโลยี 6G เทคโนโลยีการเกษตร และระบบการจัดส่งสินค้า

จะเกิดอะไรขึ้นกับจีน?

การประเมินมูลค่าที่ไม่แพง อัตราส่วน P/E ของกำไรในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (TTM) ของดัชนี Nikkei สูงมาก (60 เท่า) ในปี 2533 เทียบกับดัชนี HSI ในปัจจุบันที่ 8.6 เท่า และดัชนี CSI300 ที่ 11.8 เท่า ขณะที่ดัชนี MSCI China ซื้อขายที่ P/E ล่วงหน้าที่ 9.7 เท่า P/BV ล่วงหน้าที่ 1.1 เท่า และ EYG ที่ 7.8% บล.กสิกรไทยมองว่าดัชนี MSCI China มีความน่าสนใจในแง่ของ P/E ล่วงหน้าที่ -0.6 SD

 

จีนไม่ได้อยู่ในยุค "ทศวรรษที่หายไป" แต่เป็นยุค "ความปกติใหม่" การเติบโตของ GDP และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ รวมถึงรายได้สูง ทำให้จีนมุ่งสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคภายในประเทศ การลงทุน และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ (FTA) ขณะที่ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า GDP ของจีนจะอยู่ที่ 41.9 ล้านล้านดอลล่าร์ฯ สหรัฐฯ อยู่ที่ 37.2 ล้านล้านดอลล่าฯ อินเดีย 22.7 ล้านล้านดอลล่าร์ฯ และไทย 1.7 ล้านล้านดอลล่าร์ฯ ในปี 2593 ขณะที่ต้องจับตาดูหนี้ต่อ GDP การขาดดุลงบประมาณ หนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารเงา

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง