โควิด:ผู้นำหญิงกินขาด แม่ทัพรับศึกวิกฤตโรคระบาด ชนะใจประชาชน
โควิด:ผู้นำหญิงกินขาด แม่ทัพรับศึกวิกฤตโรคระบาด ชนะใจประชาชน
โควิด:ผู้นำหญิงกินขาด - ซีเอ็นเอ็น รายงานวิเคราะห์บทบาทของผู้นำหญิงในการรับมือวิกฤตโรคระบาดและผลกระทบต่อประชาชน จนเป็นที่ยอมรับได้อย่างชัดเจนในหลายๆ ประเทศ
เช่น ไต้หวันประสบความสำเร็จในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างงดงาม จนส่งออกหน้ากากอนามัยหลายล้านชิ้นไปช่วยสหภาพยุโรปและอีกหลายๆ ประเทศ
ศูนย์ตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเอสเซน เยอรมนี (AP Photo/Martin Meissner)
ส่วนเยอรมนี มีการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อไวรัสได้เป็นจำนวนมากที่สุดในยุโรป แต่ละสัปดาห์ ตรวจได้ถึง 350,000 คน และมีมาตรการรับรองการกักตัวและรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่นิวซีแลนด์ นายกรัฐมนตรี ออกมาตรการต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ รวมทั้ง ปิดการท่องเที่ยวและล็อกดาวน์ประเทศนานนับเดือน ทำให้ผู้เสียชีวิตมีเพียง 9 รายเท่านั้น
ทั้ง 3 ดินแดนนี้ต้องถือว่าเป็นหัวใจของแต่ละทวีปเลยทีเดียว เยอรมนีอยู่ในยุโรป ไต้หวันในเอเชีย และนิวซีแลนด์อยู่ในถิ่นแปซิฟิกใต้
ตัวเลขยอดสะสมผู้ติดเชื้อโรคโควิด ทะลุ 2 ล้านคนไปแล้ว เมื่อ 15 เม.ย. / Johns Hopkins
สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือสามดินแดนนี้ล้วนแต่เป็นผู้นำหญิง ทั้งที่สัดส่วนผู้นำหญิงมีเพียงร้อยละ 7 จากจำนวนผู้นำโลกทั้งหมด
ทั้ง 3 แห่ง เริ่มควบคุมการระบาดตั้งแต่ยังไม่รุนแรงมากนัก ทั้งการแทรกแซงทางวิทยาศาสตร์ การทดสอบหาเชื้อไวรัสในคนกลุ่มใหญ่ การรักษาที่มีคุณภาพ การสืบหาต้นตอผู้ป่วยและป้องกันการรวมตัวของคนหมู่มาก
ไต้หวัน
มีประชากรเกือบ 24 ล้านคน และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ซึ่งน่าจะมีการระบาดหนักเหมือนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
Taiwan President Tsai Ing-wen (L) listens to a masked soldier amid the COVID-19 coronavirus pandemic during her visit to a military base in Tainan, southern Taiwan, on April 9, 2020. (Photo by Sam Yeh / AFP) (Photo by SAM YEH/AFP via Getty Images)
น.ส. ไช่ อิง-เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ทราบว่ามีไวรัสระบาดในนครอู่ฮั่น เดือน ธ.ค. ก็รีบสั่งการให้ระงับเที่ยวบินจากอู่ฮั่นทันที จากนั้น ตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมการระบาด สั่งการให้ผลิตชุดป้องกันเชื้อ หรือ พีพีอี และหน้ากากอนามัย รวมทั้ง ระงับเที่ยวบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า
มาตรการที่เข้มงวดนี้ ส่งผลให้ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสม 393 คนและเสียชีวิต 6 ราย
เยอรมนี
มีประชากร 83 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสม 132,210 คน แต่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 3,495 คน ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร และยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าประเทศยุโรปส่วนใหญ่
นางสิงห์-หญิงเหล็ก อังเกลา แมร์เคิล German Chancellor Angela Merkel briefs the media about measures of the German government to avoid further spread of the coronavirus on April 9, 2020 at the chancellery in Berlin. (Photo by Markus Schreiber / POOL / AFP)
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเคมี ใช้ความสามารถมาจัดการการระบาดของไวรัสที่ได้ผลดีเยี่ยม สาเหตุหนึ่ง เนื่องจากเยอรมนีมีเตียงในห้องผู้ป่วยวิกฤตและการตรวจหาเชื้อไวรัสมากที่สุดในยุโรป
อ่านข่าว : แห่แชร์สปีช นายกฯเยอรมัน ปลุกประชาชนสู้โควิด-19 อธิบายความจริงของสถานการณ์
การแถลงข่าวของนายกฯแมร์เคิล เว้นระยะห่างระหว่างนักข่าว (Photo by Michael Kappeler / POOL / AFP)
นิวซีแลนด์
เป็นประเทศเกาะที่มีพลเมืองเกือบ 5 ล้านคน รายได้ส่วนใหญ่ได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. และประกาศล็อกดาวน์นาน 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. คนทำงานที่ไม่มีความจำเป็นให้อยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นออกไปซื้อของหรือออกกำลังกายใกล้บ้าน
นายกฯ จาซินดา อาร์เดิร์น / Prime Minister Jacinda Ardern speaks to media at a press conference ahead of a nationwide lockdown at Parliament on March 25, 2020 in Wellington, New Zealand. (Photo by Hagen Hopkins/Getty Images)
ขณะที่การล็อกดาวน์ดำเนินไปเพียงครึ่งทาง นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสม 1,366 คนและมีผู้เสียชีวิตเพียง 9 ราย แต่นายกฯ หญิงประกาศว่าจะไม่ยกเลิกมาตรการดังกล่าวเร็วนัก
เสียงชื่นชมนายกฯ จาซินดาชนะใจไปถึงออสเตรเลีย ชาติเพื่อนบ้าน ส่วนนักวิชาการชมว่า การแถลงข่าวใช้มาตรการของรัฐ มีความมั่นใจ เด็ดเดี่ยว พร้อมกับแสดงความเป็นมนุษย์ที่เข้าถึงจิตใจผู้คน
ครอบครัวนายกฯหญิง (Photo by Derek Henderson/Office of the Prime Minister of New Zealand via Getty Images)
อ่านข่าว : โควิด: พลังสปิริตนายกฯ-รัฐบาลนิวซีแลนด์ ลดเงินเดือน 20% ครึ่งปี
โควิด:ผู้นำหญิงกินขาด
นอกจากนี้ ประเทศในแถบนอร์ดิก มีผู้นำประเทศเป็นผู้หญิงถึง 4 คน ล้วนเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป
นางซันนา มาริน วัย 34 ปี นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ เป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุด แต่ได้รับความเชื่อมั่นจากชาวฟินแลนด์ถึงร้อยละ 85 ว่าสามารถรับมือกับการระบาดไวรัสได้ ทำให้ฟินแลนด์มีผู้เสียชีวิต 59 ราย จากประชากร 5 ล้าน 5 แสนคน
นายกฯหญิงฟินแลนด์ Finland's Prime Minister Sanna Marin (Photo by ANTTI AIMO-KOIVISTO/Lehtikuva/AFP via Getty Images)
นางคาตริน ยาคอปสโตว์ทีร์ นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ ประเทศเกาะเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 360,000 คน แต่มีการทดสอบหาผู้ติดเชื้อไวรัสในวงกว้าง ทำให้พบว่าผู้ติดเชื้อครึ่งหนึ่งไม่แสดงอาการป่วย ประกอบกับมาตรการแทรกแซงทางวิทยาศาสตร์ การสืบหาผู้ป่วยและการกักตัวผู้ต้องสงสัย ทำให้ไอซ์แลนด์มีผู้เสียชีวิตเพียง 8 ราย และมีผู้ติดเชื้อสะสม 1,720 คน
นายกฯ หญิงไอซ์แลนด์ (ขวา) เมื่อครั้งเดินทางพบนางแมร์เคิล นายกฯ หญิงเหล็กแห่งเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลิน (Photo credit should read TOBIAS SCHWARZ/AFP via Getty Images)
สวีเดนเป็นประเทศเดียวในกลุ่มนอร์ดิก ที่ผู้นำไม่ได้เป็นผู้หญิง นายสเตฟาน เลอเวน นายกรัฐมนตรีไม่ประกาศล็อกดาวน์และยังคงให้โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนและธุรกิจเปิดทำการตามปกติ ทำให้อัตราการติดเชื้อไวรัสสูงกว่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสม 11,445 คน และเสียชีวิต 1,033 ราย
อ่านข่าว : โควิด: นักวิทย์สวีเดนรุมวิจารณ์รัฐบาล ยอดตายทะลุพันศพแล้ว
นายมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ พาภริยาไปเลือกตั้งส.ส. ที่คูหากรุงโซล (Photo by - / YONHAP / AFP)
แต่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา กลับมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสมเกิน 609,422 คนและมีผู้เสียชีวิต 26,056 ราย
ทั้งนายจอห์นสัน และนายทรัมป์ สะบักสะบอมในวิกฤตโควิด-19
ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่ยอมออกกฎระเบียบการรวมตัวกลุ่มใหญ่เสียที หลังจากที่ประเทศยุโรปอื่นๆ ล็อกดาวน์กันหมดแล้ว สุดท้ายตนเองป่วยด้วยโรคโควิด-19 ไปด้วย และต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู 3 วัน
ด้านนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แม้รอดตัวในประเทศ แต่นอกประเทศถูกวิจารณ์ว่ารับมือช้าไป หลังจากผลศึกษาแกะรอยพบผู้ป่วยคนแรกตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.2562 แต่จีนประกาศล็อกดาวน์ เอาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.
สี จิ้นผิง
สหภาพรัฐสภาโลกและองค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลว่าจนถึงวันที่ 1 ม.ค. มีผู้นำสตรีเพียง 10 คน จาก 152 ประเทศหรือเขตปกครองที่มีการเลือกตั้ง ขณะที่ผู้ชายครองเก้าอี้ในรัฐสภาร้อยละ 75 และเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจร้อยละ 73 ส่วนในแวดวงสื่อมวลชนกระแสหลักก็มีผู้ชายทำงานมากถึงร้อยละ 76
ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ ตั้งเป้าว่าจะพยายามให้สัดส่วนผู้หญิงเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ในวงการการเมืองทุกระดับและปรารถนาให้ผู้หญิงเป็นผู้นำโลกมากขึ้น เพื่อความเสมอภาคทางเพศมากขึ้นในโลก
วิกฤตโควิด-19 อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยปรับเปลี่ยนสัดส่วนนี้
/////////////