ญาติบุกโรงพัก คาใจหนุ่มเมาอาละวาด เข้าห้องขังชั่วโมงเดียว ผูกคอตาย มีอะไรมากระตุ้น

วันที่ 19 มิ.ย. นางจันศรี จันโนนม่วง อายุ 82 ปี พร้อมญาติได้เดินทางไปเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอทราบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแสง จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากติดใจกรณีที่ นายเทียน อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของ นางจันศรี ผูกคอเสียชีวิตในห้องขัง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.40 น. หลังจากถูกจับคดีเมาอาละวาดมาควบคุมตัวไว้ในห้องขังเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่ไม่ใช่คดีร้ายแรงจนจะทำให้ผู้ต้องหาถึงกับต้องคิดสั้นผูกคอตายได้
ทั้งนี้ญาติยังคาใจว่าตอนที่ตำรวจไปจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ทำร้ายใครเพียงแสดงอาการโวยวายเท่านั้น และไม่ได้เข้าจับกุมขณะที่โวยวาย แต่ตามไปจับที่บ้านตอนที่ไม่ได้โวยวายแล้ว จึงอยากให้ตำรวจออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ความกระจ่างกับทางครอบครัวด้วย ถึงแม้ในคลิปวงจรปิดจะเห็นว่าผู้ต้องผูกคอตายเอง แต่ติดใจมูลเหตุจูงใจอะไรที่กดดันให้คิดสั้นได้
นางจันศรี กล่าวว่า วันเกิดเหตุตอนประมาณ 6 โมงเย็นของวันที่ 14 มิ.ย. ตนเห็นตำรวจมาจับลูกชายที่บ้าน บอกว่าลูกเมาอาละวาดและถือมีดไปในหมู่บ้าน จากนั้นตำรวจก็คุมตัวลูกไปโรงพัก ตนก็ตกใจพยายามจะมาโรงพักกับลูกด้วย แต่ลูกบอกว่าไม่ต้องไป ตนจึงไม่ไป เพราะคิดว่าแค่เมาอาละวาดไม่ใช่คดีร้ายแรงอะไร
กระทั่งประมาณ 2 ทุ่มกว่า มีคนข้างบ้านโทรศัพท์ไปบอกลูกสะใภ้ที่ กทม. ว่า ลูกชายผูกคอตายในห้องขังแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้เรื่องเลยกระทั่ง 4 ทุ่ม หลานก็เข้ามากอดแล้วกระซิบบอกว่าให้ทำใจดีๆ เพราะลูกชายได้ผูกคอตายในห้องขังแล้ว ก็แทบช็อกทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าแค่ถูกจับคดีเมาอาละวาดจะทำให้ลูกคิดสั้น ก็อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายด้วย
ด้าน นางรัตนา จันโนนม่วง อายุ 52 ปี พี่สะใภ้ เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากได้รับโทรศัพท์จากคนข้างบ้านว่าอาผูกคอตายในห้องขังก็ตกใจ ตอนแรกไม่กล้าบอกผู้เป็นย่าเพราะกลัวจะช็อก กระทั่งตั้งสติได้ก็โทรไปบอกลูกชาย ซึ่งอยู่ที่บ้านกับย่าว่าให้ไปกอดย่าแล้วค่อยๆ กระซิบบอกเพราะกลัวย่าจะทำใจไม่ได้และเป็นอะไรไปอีกคน ซึ่งทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าแค่ถูกจับคดีเมาอาละวาดแล้วจะทำให้ถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตาย ก็อยากให้ตำรวจออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับคนตายด้วย
ทางด้าน พ.ต.ท.สมโภชน์ ทิพยวัลย์ สารวัตรใหญ่ สภ.ชุมแสง ชี้แจงว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งว่ามีคนเมาคุ้มคลั่งและถือมีดเดินไปในหมู่บ้านด้วย เกรงจะเกิดอันตรายกับประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปตรวจสอบและควบคุมตัวมาเพื่อสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และจากข้อมูลทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้งแล้ว ตำรวจก็จำเป็นต้องทำตามหน้าที่เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ
และระหว่างที่นำตัวมาไว้ในห้องขังที่โรงพักผู้ต้องหาก็ยังมีอาการโวยวาย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยหมุนเวียนมาดู แต่จังหวะที่ตำรวจไปทำภารกิจส่วนตัว และเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาก็ใช้เสื้อยืดที่สวมใส่ผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขัง กว่าตำรวจจะมาเจอก็เสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็มีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายเอง ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นและเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนที่ครอบครัวติดใจก็พร้อมชี้แจงและตรวจสอบได้