"ราคาทอง" ยังขาขึ้น "กูรู" เชื่อปัจจัยหนุน มองพักฐานสั้น คาดแรงซื้อกลับ 4,200

นักวิเคราะห์ของ Bank of America ยังคงยืนยันคำแนะนำ "long gold" อีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับสูงสุดที่ 6,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ภายในกลางปี 2026 ขณะเดียวกัน วอลล์สตรีทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำขึ้น โดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 4,900 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ภายในสิ้นปีหน้า จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4,300 ดอลลาร์ ส่วนนักวิเคราะห์ของ JPMorgan ประเมินว่าราคาทองคำอาจแตะระดับ 6,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2029

ถึงแม้ว่าราคาทองคำลดลงถึง 6.3% เหลือต่ำกว่า 4,100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นการลดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 นอกจากนี้ ราคาเงินยังลดลงมากกว่า 8% ซึ่งถือเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021

ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาทองในรอบนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างวอชิงตัน และปักกิ่งที่ผ่อนคลายลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และตัวชี้วัดทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงภาวะซื้อมากเกินไป หรือ Overbought

“ทองคำพยายามหลายครั้งที่จะทะลุ 4,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งก็เจอแรงต้าน” เดวิด มอร์ริสัน นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Trade Nation ได้ให้ความเห็นไว้ ซึ่งคำถามสำคัญในขณะนี้คือ การร่วงลงครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดปีที่ผ่านมา

“การทดสอบครั้งใหญ่ครั้งแรกของราคาทองคำขาลงอยู่ที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์” มอร์ริสันกล่าว “แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่านี่คือทั้งหมดที่เราจะได้รับจากราคาทองคำขาลง และผู้ซื้อจะกลับมาที่ราคาประมาณ 4,200 ดอลลาร์”

นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อราคาทองคำร่วงลงกว่า 1.5% ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นการย่อตัวลงที่หาได้ยากในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโลหะมีค่า และหุ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนตุลาคม

"นี่เป็นเพียงอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำ ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ และรัฐบาลสหรัฐฯ มีปัญหาในการทำงาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณบวกสำหรับทองคำ" ทอม เอสเซย์ ผู้ก่อตั้ง Sevens Report Research ให้ความเห็นไว้

ทั้งนี้ราคาทองคำพุ่งขึ้น 28% นับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม ท่ามกลางการเข้าซื้อของธนาคารกลาง และเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ที่มีทองคำค้ำประกัน นักลงทุนแห่ซื้อโลหะมีค่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้า และการถอนตัวจากสกุลเงินเฟียต

"สิ่งที่จะทำลายทองคำได้ก็คือ หากจู่ๆ ปัญหาหนี้ลดลงอย่างมาก ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น และสันติภาพก็เกิดขึ้นทั่วโลก" มิเชล ชไนเดอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Marketgauge.com ได้แสดงความคิดเห็น