รีเซต

CIVIL อ้อนรัฐเปิดทางโครงการPPP มูลค่าพันล. แก้ปัญหางบประมาณ โว ล่าสุดตุนแบ็กคล็อกไว้เพียบ

CIVIL อ้อนรัฐเปิดทางโครงการPPP มูลค่าพันล. แก้ปัญหางบประมาณ โว ล่าสุดตุนแบ็กคล็อกไว้เพียบ
มติชน
29 มีนาคม 2565 ( 13:57 )
40
CIVIL อ้อนรัฐเปิดทางโครงการPPP มูลค่าพันล. แก้ปัญหางบประมาณ โว ล่าสุดตุนแบ็กคล็อกไว้เพียบ

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มที่ดีจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างต่างๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถประมูลงานโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญาเข้ารับงานใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 228 ล้านบาท โดยเป็นงานประเภทงานก่อสร้างทางหลวง, งานก่อสร้างระบบประปา และ งานเสริมผิวแอสฟัลต์คอนกรีต อาทิ งานก่อสร้างทางหลวงชนบทเพื่อการท่องเที่ยว บ้านหาดสำราญ – ตะเสะ ตอนที่ 2, งานก่อสร้างทางหลวง 347 บางปะหัน – เจ้าปลุก ตอน 2, งานก่อสร้างทางหลวงชนบท สายอย.4055 ทางหลวง 3267-บ้านตาลเอน อ.มหาราช และ งานก่อสร้างทางหลวง 4034 ปากน้ำกระบี่-เขาทอง ตอนที่ 1 เป็นต้น ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในไตรมาส 1/65 และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2565

 

“บริษัทมุ่งเน้นการจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพ ด้วยทีมบุคลากรที่มีความชำนาญในวิศวกรรมโยธา เครื่องจักรอุปกรณ์สมัยใหม่ และ นำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน ส่งผลให้หลายโครงการของบริษัทสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบก่อนกำหนด ขณะเดียวกันยังมีการติดตามต้นทุนโครงการอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนการทำงานให้สอดรับกับสถานการณ์ต้นทุนต่างๆ ที่มีการผันแปรเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ CIVIL ยังมีความพร้อมเข้าประมูลและรับงานทั้งภาครัฐ เอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ในช่วงการรอผลการประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 ซึ่งงานดังกล่าวจะสามารถเพิ่มเติมมูลค่างานในมือให้เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

นายปิยะดิษฐ์กล่าวว่า ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% โดยปัจจุบันมีงานรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้ในระยะ 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565-2567 โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนการรับงานใหม่นั้นก็ยังเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีการรับงานภาครัฐประมาณ 95% และที่เหลือ 5% เป็นงานของเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในโครงการต่างๆ สำหรับงานรัฐนั้นขณะนี้กำลังรอประมูลงานโครงการต่าง ๆเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงโคราช-หนองคาย โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน หรือโครงการก่อสร้างถนนอื่นๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการที่บริษัทสามารถพัฒนาโครงการได้รวดเร็วและเสร็จก่อนแผนงานนั้นเนื่องจากใช้เทคโนโลยีในการกอ่อสร้าง และมีการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ ภายใต้ 4 ข้อหลัก คือ คุณภาพ ต้นทุน เวลา และความปลอดภัย ถือว่าเราเป็นสมาร์ทแคนแทรคของแท้และพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต

 

“ขณะนี้งานภาครัฐยังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แปลกมาก เพราะพบว่าในภาคใต้งานโครงการรัฐมีน้อยมาก เราต้องให้ทีมงานต้องไปทำงานนอกพื้นที่ก่อน เพราะงานในพื้นที่ไม่มี ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้ขึ้นชั้นเป็นผู้รับเหมาประมูลงานชั้นสูงสุดของหน่วยงานรัฐด้วย ” นายปิยะดิษฐ์กล่าว

 

นายปิยะดิษฐ์กล่าวว่า จากการที่ภาครัฐมีงบประมาณจำกัด ดังนั้นอยากให้ภาครัฐมีนโยบายในการนำโครงการขนาดเล็กมูลค่างานระหว่าง 1,000-10,000 ล้านบาทออกมาพัฒนาในรูปแบบพีพีพี หรือโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถรับงานได้ จากที่ปัจจุบันภาครัฐจะเน้นเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทเท่านั้น

 

นายปิยะดิษฐ์ กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในเครือประมาณ 3 ธุรกิจ ประกอบด้วยธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจผลิตจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ เช่นเครื่องจักรกล เครื่องมือเป็นต้น และมีเหมืองหินปูนอยู่ที่สระบุรีด้วย ส่วนสถานการณ์ที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับสูงขึ้นในขณะนี้นั้น ก็พยายามบริหารต้นทุนอย่างเต็มที่โดยคุนกับผู้ผลิตในการล็อกราคาสินค้าไว้ล่วงหน้า

 

นายปิยะดิษฐ์กล่าวว่า ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 5,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,130 ล้านบาท จำนวน 933 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 23% และ มีกำไรสุทธิ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท จำนวน 106 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 122% อีกทั้ง คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 14 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พ.ค. 2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 5 พ.ค. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พ.ค. 2565 ซึ่งมติดังกล่าวเตรียมนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 25 เม.ย. 2565 เพื่อพิจารณาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง