ศาลบราซิลสั่งจับเจ้าหน้าที่ระดับสูง หลังเป็นแกนนำม็อบบุกอาคารรัฐสภา
---ศาลบราซิลสั่งจับเจ้าหน้าที่ระดับสูง หลังสั่งม็อบบุกสภา---
โดยเขาถูกจับในข้อหาก่อวินาศกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน จากการเป็นแกนนำผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี ‘ฌาอีร์ โบลโซนาโร’ ราว 1,500 คน บุกอาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลสูงสุด จนเกิดความเสียหายในวงกว้าง
ขณะที่ ‘ตอร์เรส’ ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและความความมั่นคงสาธารณะของบราซิล ในสมัยของโบลโซนาโร ในปี 2019-2021 กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
---ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกปลดเซ่นเหตุม็อบบุกสภา---
ด้านพันเอก ฟาบิโอ ออกัสโต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของกลุ่มผู้ประท้วงได้
ขณะที่ ‘ริคาร์โด แคปเปลลี’ ผู้ถูกแต่งตั้งให้ดูแลความปลอดภัยในกรุงบราซิเลีย ระบุว่า ถ้านี่ไม่ใช่การก่อวินาศกรรม เขาก็ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไร โดยนี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของ ‘แอนเดอร์สัน ตอร์เรส’ ทั้งในแง่ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน
---ตำรวจคุมตัวผู้ประท้วงกว่าพันคนไว้ในยิมกลางเมืองหลวง---
ตำรวจควบคุมตัวผู้ประท้วงกว่าพันคนไว้ในยิมกลางกรุงบราซิเลีย ในช่วงที่ทางการบราซิลเร่งสอบสวนเหตุจลาจล โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหาร เพื่อพลิกผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโรพ่ายการเลือกตั้งให้กับ ‘ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา’ หรือ ‘ลูลา’ ผู้นำคนปัจจุบัน
‘อเล็กซานเดร เดอ โมราเอส’ ผู้พิพากษาศาลสูงบราซิลให้คำมั่นว่าจะจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายในกรุงบราซิเลีย โดยกล่าวว่า “ประชาธิปไตยในบราซิลจะได้รับชัยชนะ” ขณะที่ตอนนี้มีผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คนที่ถูกทางการจับกุมจากการก่อเหตุวุ่นวายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
---“ไบเดน” ถูกกดดัน ให้ที่พักพิงกับผู้ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง---
ส่วนอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโรวัย 67 ปี เดินทางไปสหรัฐฯ สองวันก่อนหมดวาระเมื่อสิ้นปี 2022 และไม่ได้ส่งมอบตำแหน่งให้แก่ ลูลา ผู้นำฝ่ายซ้ายวัย 77 ปี ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม
มีรายงานว่าเขาเข้าโรงพยาบาลในเมืองออร์ลันโด รัฐฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากปวดท้องอันเป็นผลมาจากการที่เขาเคยถูกแทงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งปี 2018 แพทย์ระบุว่า เป็นอาการลำไส้อุดตันที่ไม่ร้ายแรง และไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ CNN บราซิลว่า เดิมตั้งใจจะพักอยู่ในสหรัฐฯ จนถึงสิ้นเดือนมกราคม แต่ได้เปลี่ยนใจจะกลับบราซิลเร็วขึ้นแล้วเพื่อพบแพทย์ประจำตัว
ความวุนวายที่เกิดขึ้นในบราซิลกำลังทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผชิญแรงกดดันเพราะโบลโซนาโรนั้นพำนักอยู่ในสหรัฐฯ แม้ทำเนียบขาวระบุว่า ยังไม่ได้รับคำร้องขอมาจากรัฐบาลบราซิลเกี่ยวกับสถานะของโบลโซนาโรก็ตาม
เพราะการที่โบลโซนาโรอยู่ในสหรัฐฯ ทำให้ไบเดนถูกวิจารณ์ว่า ให้ที่พักพิงผู้ที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในบราซิล และการผลักดันให้เขาออกนอกประเทศก็ไม่ง่ายเช่นกัน เนื่องจากโบลโซนาโรเป็นอดีตประธานาธิบดีของชาติที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ และเข้ามาในสหรัฐฯ ด้วยวิซ่าชั้นดี
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากสหรัฐฯเผยว่า โบลโซนาโรเดินทางเข้าสหรัฐฯด้วยวีซ่า A-1 ซึ่งออกให้กับบบรรดาประมุขของรัฐ นักการทูต และเจ้าหน้าที่รัฐบาล โดยปกติแล้ววีซ่าดังกล่าวหมดอายุเมื่อผู้ถือวีซ่าออกจากตำแหน่ง แต่โบลโซนาโร เดินทางเข้าสหรัฐฯ ก่อนเขาหมดวาระประธานาธิบดี
ด้านเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความกระจ่างว่า ผู้ถือวีซ่า A-1 ที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว จะต้องออกจากสหรัฐฯ ภายใน 30 วัน หรือยื่นขอเปลี่ยนแปลงสถานะการเข้าเมือง
—————
แปล-เรียบเรียง: พิชญาภา สูตะบุตร
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: