รีเซต

ดัน “ข้าวไทย” ส่งออกไป “จีน” สู้ส่งออกปีนี้ทรุดหนัก

ดัน “ข้าวไทย” ส่งออกไป “จีน” สู้ส่งออกปีนี้ทรุดหนัก
TNN ช่อง16
6 ตุลาคม 2568 ( 11:38 )
24

ในงาน “Thailand – China Cooperation Expo 2025” เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานดังกล่าว ระบุว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยการค้าระหว่างไทย–จีนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่ากว่า 96,254 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 28.1 ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น 

จีนถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญยิ่งของไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย มันสำปะหลัง และยางพารา 

ทางกระทรวงพาณิชย์หวังว่า ในปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่ง การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ไทยและจีนจะสามารถบรรลุ ข้อตกลงการซื้อขายข้าว ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) จำนวนที่ยังค้างส่งมอบ 280,000 ตัน ได้สำเร็จ โดยในช่วง 8 เดือนแรกนี้ จีนได้นำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น หากยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างไทยและจีน

รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่สอดคล้องกับความร่วมมือไทย-จีน ใน 5 มิติสำคัญ ได้แก่ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร และการแลกเปลี่ยนประชาชนทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ มีแผนผลักดันความร่วมมือด้านการค้าในทุกระดับ ทั้งภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน (ACFTA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการทำบันทึกความร่วมมือ(MOU) กับมณฑลต่างๆ ของจีน 

ตลอดจนการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญในจีน เช่น China International Import Expo (CIIE) 2025 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ขณะเดียวกันก็เชิญชวนผู้ประกอบการจีนเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย เช่น Bangkok Gems & Jewelry Fair และ THAIFEX – ANUGA ASIA

กระทรวงพาณิชย์ มีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีนถึง 8 แห่ง ได้แก่ เฉิงตู คุนหมิง หนานหนิง กวางโจว เซี่ยเหมิน เซี่ยงไฮ้ ชิงต่าว และ ฮ่องกง รวมทั้งสำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและจีนอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเป็นสะพานเชื่อมโยง เพื่อเปิดประตูสู่การค้าการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการและนักธุรกิจไทย – จีน ทั้งการช่วยผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจในตลาดจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น และการช่วยสนับสนุนนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนและค้าขายในไทย และจะเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองประเทศต่อไป

ถ้าดูข้อตกลงในการขายข้าวให้จีน  ไทยและจีนมีสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยเป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน (MOU) ที่ได้มีการลงนามกันไว้ 1 ล้านตัน

ในปี 2568 จีนนี้ยังคงค้างรับข้าวไทยแบบจีทูจีนจำนวน 2.8 แสนตัน

เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้แทนการค้าจากภาครัฐและภาคเอกชนไทย เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้เข้าพบผู้บริหารของ COFCO Corporation (คอปโก) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านการเกษตรและอาหารของจีน ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อเจรจาและเร่งรัดการซื้อขายข้าวที่ยังคงค้างจำนวน 2.8 แสนตัน และใช้โอกาสนี้เสนอให้ COFCO ขยายปริมาณการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเป็น 5 แสนตัน ในช่วงปีหน้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพอันแน่นแฟ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนในปีนี้

จากการพบปะกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดทำความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกันในการจัดกิจกรรมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีน เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ในคุณภาพและภาพลักษณ์ของข้าวไทยในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยกรมการค้าต่างประเทศ และ COFCO จะได้นำผลการหารือในครั้งนี้ เสนอหน่วยงานระดับนโยบายของทั้งสองประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

ในเรื่องการผลักดันส่งออกข้าวไปตลาดจีน เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย. กรมการค้าต่างประเทศและคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้า China – ASEAN Expo ครั้งที่ 22 ณ เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน 

กรมการค้าต่างประเทศได้จัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวเหนียว และข้าวขาว รวมทั้งได้นำเสนอข้าวคุณลักษณะพิเศษของไทยและข้าวเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อาทิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล และข้าวสังข์หยด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในตลาดจีนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

จีนถือเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย ในแต่ละปีไทยส่งออกข้าวไปจีนประมาณ 4-7 แสนตัน ครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้าข้าวของจีนเป็นอันดับ 3  อยู่ที่ประมาณร้อยละ 24 รองจากเวียดนาม และเมียนมา

สำหรับในปี 2568 (ม.ค. - ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวไปจีนแล้ว 406,720 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 125  โดยข้าวที่ส่งไปจีนส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว รองลงมา คือ ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิไทย 

การเดินทางไปเข้าร่วมงาน China – ASEAN Expo ทางกรมการค้ารต่างประเทศ คาดว่า จะช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณภาพมาตรฐานและความหลากหลายของข้าวไทย รวมทั้งวิธีการเลือกซื้อข้าวหอมมะลิไทยแท้ๆ จากประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ชาวจีนเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของข้าวไทย ตลอดจนช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการซื้อข้าวไทยให้เพิ่มขึ้นด้วย

 

ในปีนี้การส่งออกข้าวไทยลดลงอย่างมาก กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงาน “ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.68) ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 5.04 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 23.98 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่า 2,987 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 99,061 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 30.58 จากปีก่อน”

ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกข้าวลดลง มาจากประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าหลัก ต่างมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำและสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกสูงกว่าความต้องการ ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันด้านราคา 

ประกอบกับประเทศผู้นำเข้าสำคัญของโลก เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ชะลอการนำเข้าข้าว

 นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการส่งออกทำให้ราคาข้าวส่งออกไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดโลก

กรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ไทยยังสามารถขยายการส่งออกข้าวไปยังตลาดจีน สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ รวมทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง และยุโรปได้เพิ่มขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง เป็นชนิดข้าวที่มีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 ในขณะที่ข้าวที่มีปริมาณส่งออกลดลง คือ ข้าวขาว และข้าวหอมไทย ที่มีการแข่งขันสูงทางด้านราคากับผู้ส่งออกสำคัญอย่างเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน

กรมการค้าต่างประเทศ ยืนยันว่า จะพยายามเร่งผลักดันการส่งออกข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยได้เจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น และจีน เพื่อรักษาตลาดและเพิ่มปริมาณการส่งออก รวมทั้งเจรจาการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐกับรัฐบาลจีนที่ยังคงเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน ซึ่งผลการเจรจามีความคืบหน้าเชิงบวก

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 จะเดินหน้าเชิงรุกผลักดันการส่งออกข้าวไทย เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวผ่านการจัดกิจกรรมที่สำคัญ อาทิ การรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงในเดือน พ.ย. เพื่อกระชับความสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย การเร่งขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพ เช่น อิรัก และซาอุดีอาระเบีย การจัดทำความตกลง MOU ความร่วมมือการค้าข้าวไทย-สิงคโปร์ รวมทั้งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในตลาดศักยภาพ เช่น Foodex Saudi (ซาอุดีอาระเบีย) งาน ANUGA (เยอรมนี) และงาน China International Import Expo (CIIE) (จีน) เพื่อเพิ่มโอกาสและขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น โดยปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยไว้ที่ 7.5 ล้านตัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง