สตาร์ทอัป เทราดาร์ (Teradar) จากบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ (Boston, Massachusetts) ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดตัวเทคโนโลยีเซนเซอร์รุ่นใหม่ ที่ใช้คลื่นความถี่ เทราห์เฮิรตซ์ (Terahertz frequency band) เพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของรถยนต์ไร้คนขับ โดยเป็นย่านคลื่นที่อยู่เหนือเรดาร์ (Radar) และต่ำกว่าอินฟราเรดในไลดาร์ (LiDAR) อย่างไรก็ตามรถยนต์ไร้คนขับในปัจจุบันต้องพึ่งพากล้อง เรดาร์ และไลดาร์ (LiDAR) อยู่ดีเพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบคันและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางบนท้องถนน 

ที่มาของภาพ
Teradar

เทราห์เฮิรตซ์ คืออะไร

เทราห์เฮิรตซ์ (Terahertz frequency band) คือย่านความถี่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ กึ่งกลางระหว่างเรดาร์ (Radar) และ อินฟราเรด (Infrared) โดยมีความถี่ประมาณ 0.1-10 เทราห์เฮิรตซ์ (0.1-10 THz) ซึ่งปัจจุบันกำลังถูกผลักดันในหลายอุตสาหกรรม เพราะ “สามารถทะลุฝน หมอก หิมะได้ ละเอียด และปลอดภัย”

มองทะลุฝน หิมะ หมอกได้ชัดกว่าเดิม

ที่มาของภาพ
Teradar

เทราดาร์ระบุว่า เซนเซอร์แบบโซลิดสเตท (Solid-state sensors) สามารถตรวจจับภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนัก หิมะ หรือหมอก รวมถึงทำงานได้ดีทั้งกลางวันและกลางคืน ย่านความถี่เทราห์เฮิรตซ์ช่วยเพิ่มความละเอียดของภาพสูงกว่าเรดาร์ปัจจุบันถึง 20 เท่า และมองเห็นได้ไกลกว่า 300 เมตร 

ที่มาของภาพ
Teradar

คุณสมบัติเหล่านี้รองรับกับการใช้งาน การขับขี่อัตโนมัติระดับ เลเวล 3 (Level 3 autonomy) หรือระบบขับขี่อัตโนมัติแบบที่รถ สามารถขับเคลื่อนเองได้เต็มรูปแบบในบางสถานการณ์ โดยผู้ขับขี่สามารถ “ละมือ ละตา” จากการควบคุมได้ชั่วคราว ซึ่งรถสามารถขับเคลื่อนได้เองบนถนนเมืองและทางด่วน แต่ยังต้องมีมนุษย์เตรียมพร้อมรับช่วงควบคุมเมื่อจำเป็น

ที่มาของภาพ
Teradar

ต้นทุนต่ำกว่าเรดาร์ และไลดาร์ แต่ให้ภาพคมชัดกว่า

ที่มาของภาพ
Teradar

จุดขายของเทราดาร์คือการนำเสนอเทคโนโลยีที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่าระบบตรวจจับปัจจุบัน แต่มีต้นทุนที่ลดลง โดยอุปกรณ์ โมดูลาร์ เทราห์เฮิรตซ์ เอนจิน (Modular Terahertz Engine) คาดว่าจะมีราคาเพียง “ไม่กี่ร้อยดอลลาร์” ต่อคัน ซึ่งต่ำกว่าการติดตั้งเรดาร์และไลดาร์แบบรวมชุดในรถรุ่นใหม่อย่างมาก

ที่มาของภาพ
Teradar

โดยบริษัทเผยว่า ได้ทำการสาธิตระบบแก่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศระดมทุนรอบซีรีส์ B มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.86 พันล้านบาท เพื่อเร่งพัฒนาและขยายการใช้งาน

พร้อมแข่งขันในตลาดรถไร้คนขับระดับพรีเมียม

ผู้ผลิตอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เริ่มให้บริการระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 3 ในรถรุ่นไฮเอนด์แล้ว ขณะที่ ไครสเลอร์ (Chrysler) เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีในเร็ว ๆ นี้ หากเซนเซอร์ของเทราดาร์สามารถทำงานได้ตามที่ระบุ ทั้งในด้านความแม่นยำและต้นทุนที่แข่งขันได้ อาจเห็นผู้ผลิตรายอื่นปรับใช้ในรถกลุ่มกว้างขึ้น

อย่างไรก็ตาม การนำเซนเซอร์ใหม่ไปติดตั้งจริงยังคงต้องผ่านกระบวนการทดสอบจำนวนมาก รวมถึงการเชื่อมระบบกับบริการแผนที่ เช่น กูเกิลแมปส์ (Google Maps) การรับรองมาตรฐาน (Homologation) และข้อกำกับด้านความปลอดภัย ก่อนจะวางจำหน่ายในรถที่วิ่งบนท้องถนน