ภัยร้อนถล่มบอลโลก 2026 เสี่ยงเล่นไม่ได้เพราะร้อนเกิน อนาคตอาจต้องเลื่อนไปแข่งฤดูหนาว

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นในอเมริกาเหนือที่จะมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม อาจเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่มีการปรับตัวรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศเร่งด่วน จากรายงานวิจัย Pitches in Peril ขององค์กร Football for Future และ Common Goal ที่เปิดเผยถึงความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้ว
รายงานระบุว่า สนามแข่งขัน 10 จาก 16 แห่ง อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต่อภาวะ “ความร้อนจัด” และภายในปี 2050 สนามเกือบ 90% ของเจ้าภาพในอเมริกาเหนือจะต้องมีมาตรการรับมือความร้อนสุดขั้ว โดยหนึ่งในสามของสนามจะประสบปัญหาความต้องการใช้น้ำสูงเกินกว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังชี้ถึงความเสี่ยงต่อเจ้าภาพฟุตบอลโลกในอนาคต ได้แก่ โมร็อกโก-สเปน-โปรตุเกส ในปี 2050 และซาอุดีอาระเบีย ในปี 2034 รวมถึงผลกระทบต่อสนามฟุตบอลที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของนักเตะชื่อดังอย่างลิโอเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด
การแข่งขันสโมสรโลกในปี 2025 ที่สหรัฐฯ เป็นสัญญาณเตือนชัดเจน นักเตะหลายคนบ่นว่า “สภาพสนามแทบเล่นไม่ได้” เพราะทั้งคลื่นความร้อนและพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ฟีฟ่าต้องเพิ่มเวลาพักดื่มน้ำ จัดหาม้านั่งในที่ร่ม และติดพัดลมระบายอากาศ
รายงานระบุว่า 14 จาก 16 สนามในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ได้เผชิญสภาพอากาศเกินเกณฑ์ความปลอดภัยแล้วในปีนี้ ทั้งจากความร้อน ฝนตกหนัก และน้ำท่วม โดย 13 สนามมีอุณหภูมิ Wet-Bulb Globe Temperature (WBGT) เกิน 32 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ฟีฟ่ากำหนดให้พักดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งในช่วงฤดูร้อน
อย่างในเมืองแอตแลนตา ดัลลัส ฮิวสตัน แคนซัสซิตี้ ไมอามี และมอนเตร์เรย์ มีอุณหภูมิ WBGT เกินเกณฑ์ต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน โดยเฉพาะดัลลัส (31 วัน) และฮิวสตัน (51 วัน) ที่สูงสุดถึงระดับ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็น “ขีดจำกัดการปรับตัวของมนุษย์”
แม้บางสนาม เช่น ดัลลัสและฮิวสตัน จะติดตั้งหลังคาช่วยบรรเทาความร้อน แต่ความเสี่ยงก็ยังขยายไปถึงสนามท้องถิ่นทั่วโลก เช่น สนามในอียิปต์บ้านเกิดของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจเผชิญอากาศร้อนจนเล่นไม่ได้มากกว่า 1 เดือนต่อปี และสนามในไนจีเรียที่วิลเลียม ทรูสต์-เอคอง เคยใช้ฝึกซ้อม อาจเจอภาวะร้อนสุดขั้วถึง 338 วันต่อปีภายในปี 2050
ด้าน “เพียร์ส ฟอร์สเตอร์” ผู้อำนวยการศูนย์ Priestley Centre for Climate Futures เมืองลีดส์ กล่าวเตือนว่า “หากไม่เร่งดำเนินการอย่างจริงจัง อาจต้องย้ายการแข่งขันไปเล่นในช่วงหน้าหนาว หรือย้ายไปยังภูมิภาคที่เย็นกว่า” นอกจากนี้ รายงานยังเรียกร้องให้อุตสาหกรรมฟุตบอลมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2040 พร้อมจัดทำแผนลดการปล่อยคาร์บอนที่โปร่งใส และจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัว ขณะที่ผลสำรวจแฟนบอล 91% จาก 3 ประเทศเจ้าภาพ ระบุว่า ต้องการให้ฟุตบอลโลก 2026 เป็นแบบอย่างด้านความยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
