ออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตรายที่ 2 หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 'แอสตราเซเนกา'
แคนเบอร์รา, 11 มิ.ย. (ซินหัว) -- ออสเตรเลียพบหญิงเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหายาก ซึ่งมีแนวโน้มเชื่อมโยงกับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เป็นรายที่ 2 ของประเทศ
องค์การกำกับดูแลสินค้ารักษาโรค (TGA) ของออสเตรเลีย ยืนยันว่าหญิง วัย 52 ปี ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ (NSW) เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง หลังเผชิญอาการเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) ที่อาจเชื่อมโยงกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
"กรณีของหญิงรายนี้ถือเป็นอาการลิ่มเลือดอุดตันที่มีความรุนแรง" องค์การฯ เผย "เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเธอ"
ทั้งนี้ หญิงรายนี้นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ที่เชื่อมโยงกับวัคซีนของแอสตราเซเนกาในออสเตรเลีย หลังจากพบหญิงวัย 48 ปี ในรัฐเดียวกัน เสียชีวิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ด้านพอล เคลลีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย กล่าวว่า "โชคร้ายอย่างยิ่ง" พร้อมชี้ว่า "นี่เป็นกรณีการเสียชีวิตครั้งที่ 2 ขณะเราฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้ประชาชนทั่วออสเตรเลียมากกว่า 3.6 ล้านโดสแล้ว"
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ออสเตรเลียมีผู้ป่วยเผชิญอาการเกล็ดเลือดต่ำที่เชื่อมโยงกับวัคซีนรวม 48 ราย จากการฉีดวัคซีนทั้งหมด 3.6 ล้านโดส โดยอยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 15 ราย
กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลียระบุว่าออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวม 30,226 ราย เมื่อนับถึงบ่ายวันพฤหัสบดี (10 มิ.ย.) โดยตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อในท้องถิ่นและมาจากต่างประเทศเพิ่ม 5 ราย และ 11 ราย ตามลำดับ