ผู้เชี่ยวชาญเผย อาจมีโควิด-26 และ โควิด-32 หากยังไม่เข้าใจ ต้นตอโควิด-19!
ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐอเมริกา ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการค้นหา ต้นตอของโควิด-19 แม้ประเทศจีนจะปฏิเสธการตรวจสอบจากองค์การอนามัยโลก
ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สื่อของรัฐบาลจีนสะท้อนว่าจีนพยายามปฏิเสธการสืบหาต้นกำเนิดของโควิด-19 แต่สหรัฐอเมริกา ก็ยังพยายามเรียกร้องให้จีนมีความโปร่งใสมากขึ้น เพราะต้องการเร่งสืบสวนว่าการระบาดครั้งใหญ่ที่ร้ายแรงเริ่มต้นด้วยการรั่วไหลของอาวุธชีวภาพจากห้องปฏิบัติการของจีนหรือไม่ โดยมีสื่อต่าง ๆ ทั่วโลกพากันจับตาประเด็นสำคัญนี้
ศ.ดร.นพ. ปีเตอร์ โฮเตซ ผู้เชี่ยวชาญด้าน จุลชีววิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา เวชศาสตร์เขตร้อน ได้ให้สัมภาษณ์กับ เอ็นบีซีนิวส์ เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า "ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน ราว 20 ปี โลกของเราก็มีโรคระบาดเกี่ยวกับทางเดินหายใจ มาโดยตลอด โดยปี ค.ศ. 2002-2003 มีการระบาดของโรคซาร์ส ต่อมา ในปี ค.ศ.2012 ก็มีโรคเมอร์ส หรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง และในปี ค.ศ.2019 ก็มีโควิด-19 ดังนั้นโลกก็จะมี โควิด-26 และ โควิด-32 เว้นแต่เราจะเข้าใจต้นกำเนิดของ โควิด-19 อย่างถ่องแท้"
ทั้งนี้ ศ.ดร.นพ.โฮเตซ เป็นคณบดีของ โรงเรียนแพทย์เวชศาสตร์เขตร้อนแห่งชาติ วิทยาลัยการแพทย์เบย์ลอร์ และเป็นผู้อำนวยการร่วมของ โรงพยาบาลศูนย์พัฒนาวัคซีน เท็กซัส ชิลเดรนส์
หลังจากวันพุธที่ 26 พ.ค.64 นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สั่งให้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ "เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า" เพื่อค้นหาว่าโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด โดยกำหนดเวลาไว้ 90 วันในการตรวจสอบ 2 ทฤษฎี ทฤษฎีแรก "ไวรัสรั่วโดยไม่ได้ตั้งใจจากห้องแล็บในจีน" หรือ ทฤษฎีที่สอง "ไวรัสแพร่เชื้อครั้งแรกจากสัตว์สู่มนุษย์"
ความสงสัยของสื่อทั่วโลก ได้มุ่งเน้นไปที่สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ซึ่งรวบรวมไวรัสจากค้างคาวเป็นจำนวนมากและสะสมมาอย่างยาวนาน โดยห้องปฏิบัติการนี้ มีที่ตั้งอยู่ในเมืองอู่ฮั่นที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตรวจสอบจากองค์การอนามัยโลก
นาย ไบเดน กล่าวว่า เขาหวังว่าการสอบสวนที่เขาสั่งการ ซึ่งจะรวมถึงหน่วยสืบราชการลับจะทำให้สหรัฐฯ เข้าใกล้ข้อสรุปชั้นสำคัญเกี่ยวกับไวรัส ซึ่งเขามุ่งมั่นที่จะเผยแพร่รายงานนี้ต่อสาธารณะ
ศ.ดร.นพ.โฮเตซ กล่าวในวันอาทิตย์ (30 พ.ค.64) ที่ผ่านมาว่า การสืบสวนอาจไม่ได้ข้อมูลใหม่มากนักเนื่องจากที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ผลักดันการสืบสวนไปอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว และแนะนำว่าโลกต้องการ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เพื่อหาคำตอบการระบาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อย จะไม่เชื่อว่าโควิด-19 หลุดรอดออกมาจากห้องปฏิบัติการ แต่ก็ยังเชื่อว่าโควิด-19 มาจากประเทศจีน แต่อาจเกิดจาก ไวรัสแพร่เชื้อครั้งแรกจากสัตว์สู่มนุษย์
"มีต้นกำเนิดตามธรรมชาติมากมายในประเทศจีน แต่ทีมวิจัยอิสระ นักวิทยาศาสตร์ นักระบาดวิทยา และนักไวรัสวิทยา จะต้องเข้าไปทำการศึกษาในประเทศจีนเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนถึงหนึ่งปี เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้คลี่คลายอย่างเต็มที่
ทีมงานจะต้องสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์และตรวจสอบสมุดบันทึกในห้องปฏิบัติการของพวกเขา เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ของการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการ แต่วิธีเช่นนี้ อาจไม่ได้รับความร่วมมือจากจีน ผมคิดว่าเราต้องกดดันจีนให้มากขึ้นอย่างจริงจัง รวมถึงใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เป็นไปได้เพื่อทำให้โลกสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญได้โดยไม่มีข้อจำกัด" ศ.ดร.โฮเตซ กล่าว