'ศบค.' อนุมัติบูสต์โดส 4 ปชช.ทั่วไป 10 จังหวัดท่องเที่ยว-พื้นที่ระบาด
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชน โดยประการแรก เสนอให้มีการปรับฐานประชากรสำหรับกำกับติดตามการรับวัคซีน ซึ่งจะมีการทวนข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่จริง สรุปฐานข้อมูลที่เลือกใช้คือ ฐานประชากรตามสิทธิการรักษา ข้อมูลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จำนวน 66.78 ล้านคน รวมกับผู้ที่ไม่มีสิทธิการรักษาทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีจากแต่ละจังหวัด เป็น 67.74 ล้านคน
แผนการบริหารวัคซีนเดือน ก.พ.2564 เพื่อให้คนไทยได้รับวัคซีนโดยสมัครใจ รองรับการระบาดและเชื้อกลายพันธุ์ ไปจนถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแผนประเทศ ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนโควิดเข็ม 1 สามารถวอล์ก อิน (Walk in) ได้ที่สถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนดไว้
ทั้งนี้ แผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มโควิดในพื้นที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่และพังงา พื้นที่ระบาด 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี กาญจนบุรี และปทุมธานี และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมให้ในบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 เป็นประชากรทุกคน โดยมีแนวทางการฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มที่ 3 ดังนี้
ผู้ที่รับเข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ให้รับเข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าฯ โดยรับห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป
ผู้ที่รับเข็มที่ 1 เป็นแอสตร้าฯ เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าฯ ให้รับเข็มที่ 3 เป็นไฟเซอร์ โดยรับห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป
แนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 ดังนี้
ผู้ที่รับซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าฯ ให้รับเข็มที่ 4 เป็นแอสตร้าฯ ห่างจากเข็มที่ 3 เป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป
ผู้ที่รับซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ให้รับเข็มที่ 4 เป็นไฟเซอร์ ห่างจากเข็มที่ 3 เป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป