“สมุทรสาคร” เร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม “ลุ้นเข็ม 3 รีบลดความเสี่ยง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงจะถึงเดือนตุลาคม 64 นี้ ตามที่ได้มีการคาดเดากันว่า ต่างหวั่นวิตกว่าอาจจะมีโควิด-19 กลับมาระบาดใหม่อีกระลอกซึ่งอาจจะหนักกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้นั้น โดยสิ่งที่จะช่วยลดสภาพความหนักของเชื้อโรคโควิด ก็คือการเร่งฉีดวัคซีนให้ให้ประชาชนชาวสมุทรสาครอย่างเร็วที่สุด ท่ามกลางความสนใจของผู้คนที่ยังมีไม่เคยได้รับวัคซีนมีอยู่จำนวนมาก
นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้รายงานว่า ช่วงระยะนี้สำหรับประชาชนคนไทยที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวนั้น สามารถเข้า walk in ได้เลย ซึ่งไปรับการฉีดได้เลยตามสถานที่ต่างๆได้ อาทิเช่น ในอำเภอเมือง สมุทรสาคร, และห้างแลนด์มาร์ค ต.มหาชัย และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา-มหาชัย (ถนนพระราม 2) นอกจากนี้ยังมีที่โรงพยาบาลต่างๆ ในเครือข่ายของโรงพยาบาลสมุทรสาครอีกด้วย
ส่วนที่อำเภอบ้านแพ้ว ก็มีโรงพยาบาลบ้านแพ้ว และรพ.สาขา และที่ อ.กระทุ่มแบน ก็คือ โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และสนง.เทศบาลตำบลคลองมะเดื่อ ถนนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในส่วนประชาชนที่ได้บริการฉีดวัคซีนไปแล้วนั้น ล่าสุดนี้สามารถฉีดไปแล้วมากพอสมควร (หรือราวๆ 80 %) รวมถึงการฉีดในกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวด้วย เพราะว่าหากคนต่างด้าวไม่ปลอดภัย ก็จะทำให้คนไทยไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน สำหรับต่างด้าวในช่วงแรกนี้จะฉีดในกลุ่มแรงงานสถานประกอบการก่อน พร้อมมีนโยบายเพิ่มไปที่แรงงานต่างด้าวในกลุ่มตั้งครรภ์ ซึ่งถือว่าฉีด 1 ชีวิตก็สามารถช่วยให้ความปลอดภัยได้ถึง 2 ชีวิต”
นายแพทย์อนุกูล ผอ.รพ.สมุทรสาคร กล่าวต่อว่า ในส่วนแนวทางของจังหวัดฯที่จะฉีดกระตุ้นภูมิ (เข็มที่ 3) ให้กับกลุ่มที่ได้รับฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม กำลังจัดเรียงลำดับคนที่ฉีดในเดือนแรกๆ ตามลำดับ หรือประมาณเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้จะเร่งแจ้งผู้ฉีดวัคซีนให้ทราบตามระบบที่ของจังหวัดก่อนจะเปิดบริการ สำหรับวัคซีนที่จะใช้บูสเตอร์เข็ม 3 นั้น ที่แน่นอนก็คือ แอสตร้าเซนเนก้า ส่วนไฟเซอร์ หากเข้ามาเร็วจะต้องนำมาฉีดในกลุ่มเด็กก่อนด้วย เริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งหากเข้ามามากกว่าจำนวนเด็กกลุ่มนั้นก็จะฉีดในเด็กอายุที่น้อยลงไปอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูกันอีกทีว่า ช่วงนั้นวัคซีนตัวไหนที่จะเข้ามาก่อน
“ขณะเดียวกันการเตรียมความพร้อมที่จะเร่งดำเนินการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ตั้งเป้าไว้เริ่มในวันที่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไปได้แก่ กลุ่มบุคลากรคนด่านหน้า และด่านรองก่อน และสำหรับในส่วนของประชาชนตามลำดับอย่างเป็นทางการต่อไป”