ปรับแผนการคลังระยะกลาง ลดขาดดุล

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คลังกำลังทบทวนแผนการคลังระยะปานกลางฉบับใหม่ เพื่อเน้นการสร้างรายได้และสมดุลทางการคลัง และเรียกความเชื่อมั่นให้กับสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
โดยเรื่องการสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลนั้น มี 3 เรื่องที่ต้องพิจารณาคือ การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะกรมภาษีขนาดใหญ่อย่างกรมสรรพากร ซึ่งไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลกรมสรรพากรต้องทำงานอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือในการจัดเก็บภาษี ที่อาจต้องแก้ไขกฎหมาย และอาจทำได้ไม่รวดเร็ว และ สุดท้ายการแก้ไขโครงสร้างภาษีของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุด ที่อาจจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา และการแก้ไขกฎหมายอันดับรองลงมา เช่นกฎกระทรวง การปรับปรุงเรื่องขอการยกเว้นทางภาษีต่าง ๆ ตรงนี้กำลังดูรายละเอียด แต่การที่รัฐบาลชุดนี้มีเวลาทำงานสั้น ดังนั้นการแก้ไขกฎหมายในระดับ พ.ร.บ. อาจเป็นเพียงวางแผนให้รัฐบาลเท่านั้น
สำหรับภาระดอกเบี้ยจ่ายของรัฐบาลต่อรายได้ของรัฐบาลนั้น แม้ในช่วงที่ผ่านมา ภาระส่วนนี้จะปรับเพิ่มขึ้น จากการที่ประเทศต้องเผชิญวิกฤติโควิด ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินมาเยียวยา ส่งผลให้หนี้สาธารณะของรัฐบาลสูงขึ้น ทำให้ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ ในปีงบประมาณ 67 อยู่ที่ร้อยละ 9.59
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีจุดแข็งคือดอกเบี้ยเราต่ำกว่าประเทศอื่น โดยกู้อายุ 10 ปี ดอกเบี้ยไม่ถึงร้อยละ 2 ถือว่าอัตราผลตอบแทนที่ต่ำ ส่วนการกู้เงินสกุลต่างประเทศก็มีไม่เยอะ แค่ร้อบละ 1 ของหนี้ทั้งหมดตามแผนการคลังระยะปานกลางที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว
เป็นแผนสำหรับช่วงปี 69-72 มีเป้าหมายสำคัญ คือ ลดขนาดการขาดดุลการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูสภาพทางการคลังให้กลับสู่สภาวะที่แข็งแกร่ง โดยในปีงบประมาณ 69 รัฐบาลคาดจะขาดดุลการคลังร้อยละ 4.3 ของจีดีพี ปี 70 อยู่ที่ร้อยละ 3.6 ปี 71 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 และปี 72 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 ของจีดีพี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
