เป็นเพียงแค่ “อุบัติเหตุ” ? ย้อนดูหลักฐาน–คำเห็นผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ทุ่นระเบิดของใหม่-จงใจวาง

จากกรณีที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่า “เหตุระเบิดแสวงเครื่องที่คร่าชีวิตและทำให้ทหารไทยจำนวนมากได้รับบาดเจ็บในตอนแรกนั้น เป็น ”อุบัติเหตุ” และกล่าวหาว่า ไทยได้ทำการตอบโต้กลับอย่างรุนแรง จากเหตุระเบิดครั้งนั้น
ข้อความนี้ ส่งผลให้ อนุทิน ชาญวีรกูล โพสต์ข้อความบน Facebook ตอบโต้ “ทรัมป์” ชี้ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน พร้อมเดินปฎิบัติการทางทหารต่อไป ไม่มีหยุดยิงใด ๆ ทั้งสิ้น
การที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาบอกว่า การเหยียบกับทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นชนวนเหตุปะทะของ 2 ประเทศ เป็นเพียง “อุบัติเหตุ” ทำให้สังคมออนไลน์ไทยส่วนใหญ่ วิพากษ์วิจารณ์ถึงคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ซึ่งอาจลดทอนเหตุผลของไทยที่ตัดสินใจเปิดฉากดำเนินการทางทหารกับกัมพูชา และอาจสวนทางกับรายงาน และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่ออกมาเปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดกัมพูชานั้น เป็นทุ่นระเบิดที่วางไว้ใหม่
วันนี้ TNN Online ได้รวบรวมรายงาน และความเห็นผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่บ่งชี้ว่า ทุ่นระเบิดกัมพูชาเป็นของใหม่ และอาจจงใจวางตามแนวเส้นลาดตระเวน
AOT-TH ชี้ ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่-พบมือถือทหารกัมพูชามีภาพกำลังฝังทุ่นระเบิด
คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย (ASEAN Observer Team- Thailand: AOT-TH) เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบ หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ภูมะเขือ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ยืนยันชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดที่พบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 ที่ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบของหน่วยวิศวกรรมร่วมกับ AOT-TH ยังพบสัญญาณบ่งชี้ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจมีการฝังทุ่นระเบิดเพิ่มเติม และยังไม่สามารถเข้าดำเนินการเก็บกู้ได้ในทันทีเนื่องจากความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
คณะ AOT-TH ได้ยืนยันพิกัดจุดพบทุ่นระเบิดทุกจุดด้วย GPS โทรศัพท์มือถือ (Google Map) ร่วมกับแผนที่ภูมิประเทศอย่างเป็นระบบ ผลการตรวจสอบชัดเจนว่า ทุกตำแหน่งอยู่ในดินแดนของไทยทั้งหมด ไม่มีจุดใดอยู่นอกเขตแดนไทย
หัวหน้าคณะ AOT-TH ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของทหารกัมพูชา ซึ่งถูกทิ้งไว้ขณะถอนกำลังบริเวณภูมะเขือ ภายในโทรศัพท์พบภาพถ่าย วิดีโอ และข้อมูลการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่เป็นของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน โดยมีภาพการวางและขุดฝังทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงภาพการปฏิบัติของทหารกัมพูชาในพื้นที่ ซึ่งถือเป็น หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ยืนยันได้ว่าทุ่นระเบิดถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชาในเขตแดนไทย
คณะสังเกตการณ์ยังระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยใช้เป็นฐานปฏิบัติการส่วนหน้าในช่วงการปะทะ และมีความเป็นไปได้สูงว่าทุ่นระเบิดถูกฝังในห้วงสถานการณ์ความตึงเครียดล่าสุด ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าที่เหลืออยู่ในพื้นที่ตามการชี้แจงของฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย เป็นคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบอาเซียน จะประกอบด้วยผู้แทนจากหลากหลายชาติอาเซียน เพื่อลงพื้นที่ติดตาม และประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด
ล่าสุด หลังผู้นำสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อความดังกล่าว ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ลงภาพหลักฐานที่อ้างว่า เป็นสมุดบันทึกของทหารกัมพูชา ที่ยืนยันตำแหน่งพิกัดวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก และแผนผังการวางทุ่นระเบิด
บทความ Reuters เผยทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ และอาจจงใจวางตามเส้นลาดตระเวน
รายงาน AOT-TH ค่อนข้างสอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าว Reuters ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
การรายงานดังกล่าว อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม หลังสำนักข่าว Reuters ได้แสดงภาพถ่ายของทุ่นระเบิด PMN-2 จากกองทัพไทย ซึ่งจุดชนวนให้เกิดเหตุปะทะกัน 5 วัน (24-28 กรกฎคม) ระหว่างไทยและกัมพูชา
แอนดรูว์ เวียน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดกล่าวกับ Reuters ว่า สนามทุ่นระเบิดที่เหลืออยู่ตรงนั้น เดิมทีน่าจะเป็นสนามทุ่นระเบิดแนวป้องกัน แต่จากหลักฐาน ไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านั้นถูกวางไว้ เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดน กลับกัน มีสัญญาณชัดเจนว่า มันถูกวางอย่างจงใจบนเส้นทางลาดตระเวน
สมิธ กล่าวด้วยว่า ทุ่นระเบิดบางจุดถูกวางรวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้เมื่อคนแรกเหยียบ ทุ่นระเบิดจะระเบิด แล้วคนที่เข้าไปช่วยก็จะเหยียบซ้ำจนเกิดระเบิดอีกครั้ง ทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกฝังตื้นมาก และดูเหมือนเพิ่งถูกวางไม่นาน
“ในความเห็นของผม ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกวางไว้ เพื่อจงใจโจมตีกำลังลาดตระเวนของไทย ไม่ใช่เพื่อการรักษาความมั่นคงชายแดนตามปกติ”
“ตามปกติแล้ว หากเป็นทุ่นระเบิดเก่า จะต้องมีร่องรอยของความเก่าปรากฎอยู่บนทุ่นระเบิด เช่น พลาสติกเปราะ ยางด้าน และรากไม้ที่งอกขึ้นมาทับ แต่จากภาพถ่ายไม่ปรากฎสิ่งเหล่านี้” เขา กล่าว
ขณะที่ Yeshua Moser-Puangsuwan ผู้เชี่ยวชาญจาก Landmine Monitor ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายรณรงค์นานาชาติเพื่อยุติใช้ทุ่นระเบิด (International Campaign to Ban Landmines) ให้ความเห็นทำนองว่า ทุ่นระเบิดเหล่านี้ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยรากไม้หรือพืชพรรณอย่างที่ควรจะเป็น หากมันถูกฝังอยู่ในดินมาเป็นเวลานาน
ด้าน ลี ธัช รองประธานคนที่ 1 ของหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้และช่วยเหลือเหยื่อจากทุ่นระเบิดกัมพูชา หรือ CMAA ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นของเก่าที่มีมาตั้งแต่ยุคเขมรแดง ไม่ใช่ของใหม่ตามที่รัฐบาลไทยกล่าวอ้าง และย้ำว่า หลักฐานที่ไทยนำเสนอ ไม่เคยถูกสอบสวนโดยอิสระ หรือ ร่วมกันที่บริเวณชายแดน
“พื้นที่ตรงนั้น มีทุ่นระเบิดฝังอยู่นานกว่า 20 หรือ 30 ปี มันมีการพังทลายของหน้าดิน มีพืชผัก และน้ำท่วมบริเวณนั้น ทุ่นระเบิดพวกนี้จึงอาจเคลื่อนที่ไปมา และยังมีความใหม่อยู่ แต่พวกมันคือทุ่นระเบิดเก่า และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ามันเป็นทุ่นระเบิดใหม่จริง ความเสียหายจะร้ายแรงนี้”
แต่ทางด้าน Moser-Puangsuwan เผยว่า น้ำท่วมอาจเป็นสาเหตุที่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมทุ่นระเบิดถึงเคลื่อนที่ แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ทุ่นระเบิดยังดูใหม่
กัมพูชายัน เลิกใช้ทุ่นระเบิดนานแล้ว ชี้ไทย ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างก่อความขัดแย้ง
องค์กร CMAA ของกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 พฤศิกายน หลังทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด เพื่อโต้แย้งไทย กรณีกล่าวหาว่า กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดใหม่
ทางกัมพูชาได้เรียกร้องให้ไทยหยุดการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง การนำประเด็นเรื่องทุ่นระเบิดมาใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างความขัดแย้ง มีแต่จะบั่นทอนความเชื่อใจระหว่างสองประเทศ
“ข้อกล่าวหากดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กัมพูชาพยายามอย่างถึงที่สุด ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และบรรเทาความทุกข์ยากของชุมชนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดที่หลงเหลือจากสงคราม”
ทางด้านกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ก็ออกแถลงการณ์เช่นเดียวกัน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และย้ำว่า นับตั้งแต่กัมพูชา เข้าร่วมอนุสัญญาออตตาวา ก็ไม่เคยใช้ หรือ วางทุ่นระเบิดใหม่เลย โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ซึ่งรวมถึงชายแดนไทยด้วย
กัมพูชายังเรียกร้องให้ไทยหลีกเลี่ยงการส่งหน่วยลาดตระเวนไปยังบริเวณพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่า เป็นพื้นที่อันตราย สิ่งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอีก และลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ
กต. เผย รู้สึกผิดหวัง “ทรัมป์” โพสต์เหยียบทุ่นระเบิดเป็นแค่ “อุบัติเหตุ”
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และผู้นำสหรัฐฯ
ส่วนหนึ่งของการแถลงวันนี้ (13 ธันวาคม) สีหศักดิ์ ได้กล่าวถึงการโพสต์ข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความเป็นห่วงในหลายประเด็น เพราะไทยคิดว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง และอาจจะได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน พร้อมกับแสดงความผิดหวังต่อเรื่องนี้
“ฝ่ายไทยรู้สึกไม่สบายใจที่มีข้อความว่าเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบกับทุ่นระเบิด และได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอุบัติเหตุ เพราะเรื่องนี้ชัดเจนและเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ‘ไม่ใช่อุบัติเหตุ’ แต่เกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้เข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่รวมถึงเจ็ดครั้ง” สีหศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ข้อความของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าการโต้ตอบของฝ่ายไทยมีความรุนแรง
สีหศักดิ์ ชี้แจงว่า การโต้ตอบของฝ่ายไทยได้สัดส่วนกับการปฎิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เราไม่ได้โต้ตอบเกินกว่าเหตุ
“ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ เรารู้สึกผิดหวังกับข้อความดังกล่าว เพราะไทย-สหรัฐฯ ในการเป็นพันธมิตรระหว่างกัน เราได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ และได้ต่อสู้เพื่อเผชิญกับความท้าทายด้านมั่นคงร่วมกันมาในอดีต เราจึงยังถือว่าไทยและสหรัฐฯ ยังมีความสัมพันธ์บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันในด้านความมั่นคงอยู่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
