รีเซต

ความหมายอาหารมงคลเทศกาลตรุษจีน สิงคโปร์-ไทย มีอะไรต่างกันบ้าง?

ความหมายอาหารมงคลเทศกาลตรุษจีน สิงคโปร์-ไทย มีอะไรต่างกันบ้าง?
TNN ช่อง16
6 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:14 )
645
ความหมายอาหารมงคลเทศกาลตรุษจีน สิงคโปร์-ไทย มีอะไรต่างกันบ้าง?

        เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีนบรรดาชาวจีน หรือที่มีเชื้อสายจีนทั่วโลกก็เริ่มเตรียมพร้อมเข้าสู่การเฉลิมฉลองเทศกาลกันอย่างคึกคัก  เช่นเดียวประเทศสิงคโปร์ ที่ทุกๆปีก็จะจัดเทศกาล ‘ปีใหม่จีน’ หรือตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยจำนวนประชากรเชื้อสายจีนกว่า 75% ของประเทศ ย่านไชนาทาวน์ จะถูกเนรมิตให้เป็นสีแดง - ทอง กินเวลานานกว่าสองสัปดาห์

       ข้อมูลจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของสิงคโปร์ ก็จะมีอาหาร-ขนมมงคลที่นิยมมอบให้กันในวันตรุษจีน เป็นขนบธรรมเนียมที่คล้ายๆกันกับของไทย ซึ่งอาหารมงคลของสิงคโปร์นิยมมีด้วยกัน 8 อย่าง ได้แก่

        1. ส้มโอ ความหมายของส้มโอก็คือการนำเอา “โชคลาภ” ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย มาสู่เจ้าของบ้าน ฉะนั้น หลายบ้านจึงมีผลส้มโอประดับไปด้วยพร้อมๆ กัน ชาวสิงคโปร์นิยมนำส้มโอไปมอบ 2 ลูก ด้วยความเชื่อที่ว่า “สิ่งดีๆ จะมาพร้อมกัน”

        2.ส้ม สิงคโปร์นิยมมอบส้มหรือ “จวี๋จื่อ” ให้กัน เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยจะใส่ส้มในซองสีแดง หรือกล่องสีแดง - สีทอง เป็นจำนวนคู่ กี่ลูกก็ได้ ใช้มือทั้งสองข้างมอบ ยิ่งแนบไปพร้อมซองอั่งเปายิ่งดี



        3.ขนมทาร์ทสับปะรด (Pineapple Tarts) พายชิ้นเล็ก ไส้สับปะรด เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของขนมหวานสิงคโปร์ ความหมายของสับปะรด ตามภาษาจีนฮกเกี้ยน หมายถึง “โชคลาภ” กำลังจะมาหาเจ้าบ้าน

        4. ขนมเข่ง  ภาษาจีนเรียกว่า “เหนียนเกา” (Nian gao) ขนมเข่ง ทำจากแป้งข้าวเหนียว เหนียนนั้นแปลว่า “ปี” ส่วน “เกา” แปลว่าสูงขึ้น หรือสูงส่ง จึงมีหมายความอีกอย่างว่าปีนี้จะดียิ่งขึ้น และเจริญก้าวหน้ามากขึ้น



        5. เกี๊ยว เป็นอาหารมงคลที่คนจีนตั้งแต่โบราณ ทุกชนชั้น ฐานะ ต่างก็กินเพื่อเสริมความเป็นมงคล เพราะคำว่า เจี่ยวจึ ในภาษาจีนนั้นพ้องกับคำที่แปลว่าสิ่งเก่ากำลังจะผ่านพ้น สิ่งใหม่ๆ กำลังจะเข้ามา

        6. หยี่ซัง (Yu sheng) อาหารมงคลประจำเทศกาลสำหรับชาวสิงคโปร์ โดยหยี่หมายถึงปลา และซัง หมายถึงดิบ ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าอุดมสมบูรณ์ แต่ปลาดิบ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งปลาแซลมอน หรือปลาทูน่า อย่างเดียวยังไม่เพียงพอ หยี่ซัง นั้นรวบรวมอาหารซึ่งมีชื่อพ้องกับความหมายมงคลหลายอย่าง อาทิ แครอท ที่หมายถึงความสิริมงคล แตงกวา ที่หมายถึงความเจริญก้าวหน้า แมงกะพรุนน้ำมันงา ซึ่งหมายถึงความโชคดี  หรือซอสถั่วลิสงบดซึ่งหมายถึงความร่ำรวย วิธีกิน ต้องเริ่มต้นจากการบีบมะนาวใส่ปลาดิบ ค่อยๆ คลุกซอสวัตถุดิบทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยตะเกียบ พร้อมกับกล่าวคำอวยพรไปด้วยระหว่างบรรจงคลุกเคล้า ประเพณีการรับประทานหยี่ซังร่วมกัน มีอีกชื่อว่า“โล เฮ” (lo hei) ซึ่งมีความหมายถึงการโยนเรียกโชค นำสิ่งดีๆ เข้าหาตัว และให้ประสบความสำเร็จตลอดปี 



        7.บัวลอยในน้ำเชื่อม ภาษาจีนเรียกว่า “ถ่างหยวน” เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกันพร้อมหน้าของคนในครอบครัว ชาวสิงคโปร์จะร่วมโต๊ะกินบัวลอยพร้อมกัน ในวันสุดท้ายของเทศกาล ก่อนบอกลาญาติสนิท

        และ 8.ขนมถ้วยฟู หรือ ฟาเกา (Fa gao) ซึ่งหมายถึงความเจริญ รุ่งเรือง เฟื่องฟู ยิ่งอบแล้วด้านบนของขนมบานออกเท่าใด ยิ่งหมายความว่าคุณจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น

        ขณะที่เทศกาลตรุษจีนในไทยนั้น มีอาหาร – ขนม มงคลหลายชนิดที่พ้องกับประเพณีในสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นส้ม ขนมเข่ง ขนมบัวลอย เกี๊ยว ขนมถ้วยฟู ซึ่งก็เป็นอาหารมงคล เพราะความหมายนั้นพ้องเสียงตรงกัน สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีน ไม่ได้ห่างไกลจากชาวสิงคโปร์เท่าใดนัก แต่อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างอยู่ในอาหารมงคลหลายชนิดเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่

        1.โหงวก้วยกระทงเผือก ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมหลัก 5 อย่าง ได้แก่ พุทราจีน มะม่วงหิมพานต์ แปะก๊วย เห็ดหอม ไก่และกุ้ง ผัดกับซอส นำมาวางในกระทงเผือก ความหมายก็คือยิ่งกินโหงวก้วย จะยิ่งโชคดีตลอดทั้งปี

        2.ขนมเทียน ความหมายของขนมมงคลชนิดนี้ หมายถึง “ความสว่าง” และความราบรื่น โดยขนมเทียนแบบไทยๆ มีทั้งไส้เค็มนิดๆ หอมพริกไทย และไส้หวาน โดยทั้งสองไส้ ทำจากแป้งข้าวเหนียว ห่อใบตอง กินกันอย่างเพลิดเพลินทั้งครอบครัวตลอดเทศกาลตรุษจีน

        3.ขนมจันอับ ขนม 5 อย่างสำหรับไหว้เจ้า ได้แก่ ขนมถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบน้ำตาล ฟักเชื่อม และข้าวพอง นำมาจัดเรียงไว้ด้วยกัน ความหมายสำคัญคือยิ่งรับประทาน ยิ่งมีความสุขเพิ่มพูนมากขึ้น จันอับ ยังใช้ในงานแต่งงานด้วย โดยมีความหมายว่าชีวิตรักของคนสองคน จะอยู่คู่กันอย่างสุขสันต์

        4.บะหมี่ – มี่ซั่ว คนไทยเชื้อสายจีนนิยมกินทั้งในวันปีใหม่จีน และวันเกิด มีความหมายถึงอายุยืนยาว วิธีปรุงและวิธีรับประทานคือห้ามตัดเส้นหมี่เด็ดขาด และค่อยๆ ใช้ตะเกียบคีบกินจนหมดเส้น

        จะเห็นได้ว่าความสำคัญของอาหารและขนมมงคลต่างๆนั้น  สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่สอดแทรกผ่านอาหารการกิน และกลายเป็นมรดกตกทอด ที่ทำให้เทศกาลตรุษจีน มีความหมายมากกว่าการเป็น “วันขึ้นปีใหม่” เพียงอย่างเดียว



เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง