ผวาโควิด เข้มชายแดนแม่สาย ผงะต่างด้าวลอบข้ามแดนเพียบ
ผวาโควิด เข้มชายแดนแม่สาย ผงะต่างด้าวลอบข้ามแดนเพียบ
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่หอประชุมพระเจ้าพรหมมหาราช 750 ปี ภายในที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย สภ.แม่สาย สภ.เกาะช้าง กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ชายแดนรวมประมาณ 100 คน
จัดประชุมเพื่อแก้แก้ไขปัญหาการลักลอบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย หลังจากตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จ.เชียงราย มีการปิดพรมแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19
แต่ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่าชาวเมียนมาลักลอบเข้ามายังประเทศไทยหลายราย จนกระทบต่อมาตรการป้องกันการระบาดดังกล่าว
กองกำลังผาเมืองแจ้งต่อที่ประชุมว่าตั้งแต่เดือน มี.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ที่กระทำความผิดจำนวน 39 ครั้ง มีผู้ที่ถูกจับกุมประมาณ 80 คน ซึ่งมีการนำส่งด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันตามขั้นตอน
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังคุมเข้าตามจุดต่างๆ และจัดวางอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ไฟส่องสว่าง 17 จุด เพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวณเป็น 22 ชุดปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มความถี่ในการลาดตะเวณ เฝ้าตามช่องทางต่างๆ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด กั้นรั้วลวดหนาม ฯลฯ
เนื่องจากชายแดนมีภูมิประเทศที่มีลำน้ำสายและลำน้ำรวกขวางกั้นซึ่งมีสภาพคับแคบและตื้นเขินสามารถใช้ลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติได้หลายจุด
ส่วนกรณีกระแสเรื่องความต้องการมาเรียนหนังสือของนักเรียนในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่มักเข้ามาเรียนในโรงเรียนฝั่ง อ.แม่สาย นั้น มีมาตรการให้มีการขึ้นทะเบียนตรวจหาไวรัสโควิด-19 เอาไว้ก่อนและผู้จะข้ามมาต้องทำประกันชีวิตให้เรียบร้อยเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยและเมียนมาต่างยังไม่มีการเปิดด่านพรมแดนแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่าที่ประชุมยังมีแจ้งถึงผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคนให้มีการเข้มงวดและไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเสียเอง เพราะในกรณีของชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาเมื่อถูกดำเนินคดีแล้วจะถูกผลักดันออกจากประเทศทันที
ส่วนคนไทยถือว่ากระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้มีคำสั่งและประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ออกมาแล้วหลายฉบับ
นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 63 ผู้ใดนําหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทําการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท ฯลฯ
พ.อ.ชาตรี กล่าวว่าปัจจุบันยังมีผู้ที่ลักลอบเข้ามาทั้งที่เข้ามาเองและถูกหลอกจากกลุ่มขบวนการ เจ้าหน้าที่จึงได้เพิ่มมาตรการต่างๆ ดังกล่าว เพราะเป็นความเสี่ยงเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังคงไว้วางใจไม่ได้และหากผู้เล็ดลอดติดเชื้อก็ไม่ได้กระทบเฉพาะ จ.เชียงราย แต่อาจจะกระทบไปถึงภายในประเทศไทยได้
ขณะที่การจับกุมได้ถึง 80 กว่าคนดังกล่าวถือว่าเป็นจำนวนมากและบางครั้งจับกุมได้ครั้งเดียวถึง 14 คน ทำให้อาจจะมีบางหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้องจึงจะมีการดำเนินการทั้งด้านกฎหมายและวินัยตามขั้นตอนแล้ว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าวันเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมหารือนอกรอบทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของ จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อหามาตรการป้องกันการลักลอบข้ามฝั่งไปมาเนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีเฉพาะชาวเมียนมาที่ลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยเท่านั้น
แต่บางครั้งมีคนไทยที่ตกค้างอยู่ลักลอบข้ามมาและมีชาวเมียนมาที่อยากจะกลับภูมิลำเนาได้ลักลอบจะข้ามฝั่งไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบมีกลุ่มคนที่พยายามให้การช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเข้าเรียนของนักเรียนชาวเมียนมาซึ่งจะต้องมีมาตรการรองรับในอนาคตด้วย