"ครม." รับทราบผลประเมิน ITA ปี 64 ด้าน “บิ๊กตู่” ชี้ คดีทุจริตเพิ่มเหตุบังคับใช้กม.จริงจัง
“ครม.” รับทราบผลประเมิน ITA ปี 64 ด้าน “บิ๊กตู่” ชี้ คดีทุจริตเพิ่มเหตุบังคับใช้กม.จริงจัง ลั่น แก้วัฒนธรรม “ต่างตอบแทน” ให้ได้
เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ประเมิน ITA เป็นแนวนโยบายสำคัญในการป้องกันการทุตริตที่บังคับใช้กับหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ และเป็นกลไกป้องกันการทุจริตเชิงรุกได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งได้ถูกกำหนดเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนแผนงานระดับประเทศ โดยกำหนดค่าเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐในปี 2565 มีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ 85 คะแนนขึ้นไป หรือไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 8,300 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการประเมิน ITA ผ่านระบบ ITAS ที่เว็บไซต์ http://itas.nacc.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 กรกฎาคม 2564 ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และองค์กรอิสระ ซึ่งมีประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ จำนวน 1,331,588 คน พบว่ามีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมของประเทศเท่ากับ 81.25 คะแนน สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 13.35 คะแนน และมีจำนวนหน่วยงานภาครัฐที่มีผลการประเมิน ITA ผ่านค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบฯ 4,146 หน่วยงาน หรือร้อยละ 49.95 สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 36.76 ซึ่งในปีนี้หน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ได้เข้าสู่องค์กรที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสตามหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ในระดับค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ระดับ A ถึงร้อยละ 26.22 โดยมีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาคุณธรรมความโปร่งใสของภาครัฐสู่มาตรฐาน ในระดับ A และ AA ในระดับนโยบาย โดยมุ่งเน้นการรักษาแนวปฏิบัติที่ดีไว้และต่อยอด ขยายผลการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ รวม 5 ข้อ ดังนี้
1. เร่งส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และทักษะ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การป้องกันการทุจริต และการให้บริการสาธารณะ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงานให้มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานการประเมินที่กำหนด
2. ส่งเสริมสนับสนุนและให้คำแนะนำในด้านกระบวนการบริหารจัดการภายในหน่วยงานแก่ อปท. ทั้งนี้ ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายจัดตั้ง อปท. แต่ละประเภท
3. ขับเคลื่อนการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ (ฉ. ..) พ.ศ. …. ให้สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดไว้
ใน รธน. เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นหน้าที่หลักที่ต้องปฏิบัติ
4. ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐดำเนินการกำกับติดตามการประเมิน ITA และผลักดันให้หน่วยงานภายใต้กำกับดูแลดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการประเมิน ITA
5. ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมิน ITA ในปีงบฯ 2565 – 2570 โดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการประเมิน ITA แนวทางการประเมิน ITA และเครื่องมือการประเมิน ITA ให้เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด
ทั้งนี้ การประเมิน ITA สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการตื่นตัวต่อประเด็นการต่อต้านการทุจริตมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานและการให้บริการภาครัฐเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญไทยฉบับปัจจุบัน
นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้หน่วยงานหาแนวทางปิดจุดอ่อนกระบวนการทุจริตที่ผ่านมามีกระบวนการ “สมยอม” ทั้งผู้รับและผู้ให้ โดยปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดต้องร่วมรับผิดชอบ รวมทั้งสมาคมภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมการให้ข้อมูลที่โปร่งใสด้วย นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า การปราบปรามการทุจริต สร้างโปร่งใส เป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคดีทุจริตที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพราะมีการทำผิดมากขึ้น แต่เป็นผลจากความเอาจริงเอาจังของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2557 – ปัจจุบัน มีคดีทุจริตทั้งนักการเมือง ส.ส. ข้าราชการ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถูกตัดสินจำคุก ที่สำคัญ คือ พยายามแก้วัฒนธรรม “ต่างตอบแทน” ในสังคมไทยให้ได้ เพราะนายกรัฐมนตรียืนยัน ไม่ว่าคนรวยคนจน หากทำผิดต้องติดคุก