ไทยต้องพร้อมรับมือ AI สู่ "ศูนย์กลางเศรษฐกิจ" ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ต่อยอดศักยภาพ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวบนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 : Thailand’s Next Frontier "พรมแดนใหม่เศรษฐกิจไทยโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลง"โดยกล่าวถึงความท้าทายของโลกในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต และระบบเศรษฐกิจ นำมาซึ่งความท้าทาย 3 ด้าน หรือ 3D ประกอบไปด้วยDigitalization/AI การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสู่ Digital AI ที่มีความต้องการ Data CenTer และ Cloud Technology ที่สูงมาก ในสหรัฐอเมริกา Data Center โดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 5 กิกะวัตต์ เป็น 15 กิกะวัตต์ ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ส่วนในประเทศไทยผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่มีเพียง 50 เมกะวัตต์ เท่านั้น แต่ภายใน 1-3 ปี จะสามารถพัฒนาได้ถึง 1 กิกะวัตต์
รวมถึงแผนในการขยายการลงทุน Data Center ในประเทศไทยของผู้ให้บริการรายใหญ่ หรือ Hyperscaler ที่มีแนวคิดในการสร้าง Data Center จำนวน 3 แห่ง ๆ ละ 1 กิกะวัตต์ ในรัศมี 150 กิโลเมตร เพื่อรองรับความต้องการการเข้าถึงด้าน AI ทั้งในภูมิภาคอาเชียน และจีน ทั้งนี้มูลค่าการลงทุนต่อ 1 กิกะวัตต์ จะอยู่ที่ราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 7,000 ล้านบาท สามารถยกระดับเศรษฐกิจไทยให้โตอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งแน่นอนว่า Data Center จำนวนมหาศาลนี้ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงมาก ซึ่งประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือความต้องการด้านพลังงาน อาจจะจำเป็นต้องศึกษเรื่องพลังงานนิวเคลียร์อย่างจริงจัง รวมถึงการดึงดูดห่วงโซ่อุปทานด้าน AI ทั้งหมดมายังประเทศไทย
Deglobalization การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลกในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจที่ขั้วมหาอำนาจมีการเปลี่ยนแปลง เกิดแรงเสียดทาน แต่ก็สร้างสมดุลให้ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เทคโนโลยีที่เปิดกว้าง และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายวงคู่ขัดแย้งออกไป
Decarbonization การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ด้วยสภาพอากาศในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และรุนแรง อุณหภูมิที่สูงขึ้น เต็มไปด้วยมลพิษทั้งน้ำ อากาศ และพื้นดิน จากการเร่งผลิต และบริโภคของมนุษย์ ซึ่งสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ย้อนกลับมายังสิ่งแสดล้อมของโลก
เพราะฉะนั้นถ้าประเทศไทยจะสามารถรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น จำเป็นที่จะต้องปรับตัว และเร่งสร้างพื้นฐาน "4 ความจำเป็นใหม่" ที่จะกลายมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาประเทศในอนาคต ประกอบไปด้วย
ความรู้และจริยธรรม ความจำเป็นด้านการศึกษาที่จะต้องควบคู่กับกรอบจริยธรรม ทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงทางการศึกษาที่มีคุณภาพ
การเงิน ต้องสร้างการเข้าถึงระบบการเงิน รวมถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส สร้างความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน การลงทุนให้มากกว่าในปัจจุบัน สามารถปรับตัว และเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
การสื่อสาร ต้องพร้อมรองรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่สู่ AI และ Cloud Technology ซึ่งมีความสำคัญ และมีขนาดที่ใหญ่มากต่อระบบเศรษฐกิจ และในอนาคตความมั่นคงของประเทศอาจจะมีเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญ
ระบบประกันสังคม เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ สร้างหลักประกันที่มีคุณภาพให้กับประชาชน
และที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนผ่านประเทศอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 7Ts ที่เป็นศักยภาพอันโดดเด่นอยู่แล้วของประเทศไทย ให้สามารถต่อยอดเพื่อเป็นศูนย์กลางระดับโลก ประกอบไปด้วย
Tourism Hub / Soft Power ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับภูมิภาค และในระดับสากล ทั้งอาหาร ศลปะวัฒนธรรม เป็นต้น
Table Hub อาหารไทยตินอันดับ Top 3 ของโลก และมีจุดเด่นที่เป็นประเทศเกษตรกรรม มีนวัตกรรมด้านอาหารมากมาย มีความพร้อมด้านห่วงโซ่อุปทาน แต่เกษตรกรยังขาดความรู้ และการเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ
Treatment Hub ประเทศไทยได้รับการยอมรับในเรื่องของ Healthcare ในระดับโลก โรงพยาบาลมีประสิทธิภาพสูง สามารถต่อยอดสู่การบริการด้านสุขภาพได้อย่างไม่จำกัด
Trade / Logistics / Financial Hub ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งในเรื่องภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ มีศักยภาพทั้งในด้านการค้า การขนส่ง ซึ่งสามารถพัฒนา และต่อยอดสู่การเป็น Financial Hub ได้ด้วยระบบการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ และแข็งแกร่ง
Tech / Industrail Hub การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปสู่ Hybrid และ EV การเข้าสู่ Tech Hub อย่างแท้จริง ด้วยอุตสาหกรรม AI, Super Computer พลังงานสะอาด และศูนย์วิจัย แห่งอนาคต เพื่อพัฒนาบุคลากรเพื่อการเติบโตของนวัตกรรม
Transmission เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด สร้างศักยภาพด้วยสายส่งกลาง หรือศึกษาถึงความเป็นไปได้ของพลังงานนิวเคลียร์ ที่มี 34 ประเทศใช้งานในปัจจุบัน
Talent Hub การพัฒนาคน ยกระดับการศึกษาที่ต้องสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเท่าเทียม ดึงดูด Start Up หรือนักพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกมาลงทุนในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และสามารถดึงศักยภาพให้กับคนภายในประเทศได้
นายศุภชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า "การสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืน และเริ่มต้นที่ผู้นำ ไม่ใช่การบังคับให้คนทำตามกฏ แต่คือการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนใช้ชีวิตตามค่านิยม ที่นำไปสู่ความสำเร็จ และความกลมเกลียว"
รวมถึงในอนาคต อาจมีการขยายการลงทุน Data Center ในประเทศไทยของผู้ให้บริการรายใหญ่ หรือ Hyperscaler ที่มีแนวคิดในการสร้าง Data Center แห่งละ 1 กิกะวัตต์ ในรัศมี 150 กิโลเมตร เพื่อรองรับความต้องการการเข้าถึงด้าน AI ทั้งในภูมิภาคอาเชียน และจีน ทั้งนี้ คาดมูลค่าการลงทุนต่อ 1 กิกะวัตต์ จะอยู่ที่ราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสของไทย ในการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้โตอย่างก้าวกระโดด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
