ไอร์แลนด์ ปิดระบบไอทีสาธารณสุข หลังถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตี
ไอร์แลนด์ - วันที่ 14 พ.ค. เอเอฟพี รายงานการโจมตีไซเบอร์ที่ไอร์แลนด์ เมื่อกระทรวงสาธารณสุขของประเทศปิดระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของหน่วยงาน หลังถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีในชื่อ "คอนตี" (Conti) คาดเป็นแก๊งอาชญกรต่างชาติลงมือและเป้าหมายคือเวชระเบียนในโรงพยาบาลคลอดบุตร "โรทุนดา" ในกรุงดับลิน ซึ่งเปลี่ยนไปใช้เวชระเบียนกระดาษที่เก็บสำรองแล้ว
นอกจากนี้ โรงพยาบาลงดรับผู้ป่วยนอก ยกเว้นการรักษาฉุกเฉินและหญิงมีครรภ์อย่างน้อย 36 สัปดาห์ เนื่องจากเกิดปัญหาไอทีร้ายแรง แม้ว่าอุปกรณ์ยั้งชีพจะทำงานปกติ แต่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และทางการกำลังร่วมมือกับตำรวจ กองทัพ ผู้ให้บริการความปลอดภัยไอที เพื่อยับยั้งการโจมตีไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม คณะบริหารบริการสุขภาพ (HSE) ระบุตอนนี้ไม่สามารถทำการอ้างอิงสำหรับการตรวจหาโควิด-19 ได้
HSE แถลงว่า การปิดระบบไอทีทั้งหมดของหน่วยงานเป็นการป้องกันล่วงหน้า แต่กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประเทศไม่ได้รับผลกระทบด้วย เช่นเดียวกับสายด่วนฉุกเฉิน ทว่าระบบการอ้างอิงที่ใช้จองการตรวจโควิดหยุดทำงาน
รัฐมนตรีประจำรัฐบาล โอเชียน สมิธ ให้สัมภาษณ์อาร์ทีอี มีความเป็นไปได้ว่า ไอร์แลนด์ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งสำคัญ และเรียกว่าเป็นการโจมตีระหว่างประเทศจากแก๊งาอาชญากรรมเพื่อหาเงิน แต่ไม่ใช่จารกรรม
ขณะที่สตีเฟน ดอนเนลลี รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า การโจมตีไซเบอร์ส่งผลกระทบรุนแรง แต่บริการส่วนบุคคลของผู้ป่วยและกลุ่มโรงพยาบาลได้รับผลกระทบแตกต่างกัน และทวิตข้อความว่า "การตรวจโควิด -19 และการฉีดวัคซีนยังดำเนินต่อไปตามแผน"
การโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้นับเป็นล่าสุดหลังเกิดกับบริษัทท่อส่งน้ำมัน โคโลเนียล ไปป์ไลน์ สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะนี้กลับมาใช้ได้ตามปกติแล้ว แต่ไม่ชี้แจงข่าวที่จ่ายค่าไถ่ 5 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 157 ล้านบาท แก่ดาร์กไซด์ แก๊งอาชญากรรมรัสเซีย ที่ตกเป็นข่าวอยู่เบื้องหลัง