รีเซต

กทม.ชวนคนกรุงร่วมกันปิดไฟ 1ชม. 26 มี.ค. แสดงพลังลดโลกร้อน

กทม.ชวนคนกรุงร่วมกันปิดไฟ 1ชม. 26 มี.ค. แสดงพลังลดโลกร้อน
TNN ช่อง16
22 มีนาคม 2565 ( 13:53 )
104

วันนี้(22 มี.ค. 65)พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund : WWF) ประเทศไทย และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชน เห็นความสำคัญของปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ และอาคารบ้านเรือนร่วมกันปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยในปีนี้กำหนดจัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2022)" ในวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2565 ณ บริเวณสกายวอล์คช่องนนทรี เขตสาทร

พร้อมรณรงค์ และเชิญชวนประชาชน บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการ และร้านค้า ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 190 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เวลา 20.30 - 21.30 น. พร้อมแชร์การมีส่วนร่วมในกิจกรรม ด้วยการติดแฮชแท็ก คำว่า #EarthHour #Connect2Earth #ShapeOurFuture #อนาคตเราสร้างได้ เพื่อเป็นการแสดงพลังให้รับรู้ถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเชิญชวนทุกภาคส่วนปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น 1 ชั่วโมง มาตั้งแต่ปี 2551 - 2564 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ 22,398 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12,235.40 ตัน คิดเป็นมูลค่า 80.90 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 ที่ผ่านมา กทม. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย 25 หน่วยงาน ประกาศเจตจำนง ร่วมดำเนินการลดภาวะโลกร้อนใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการขนส่งมวลชน

 2. ด้านพลังงาน 

3. ด้านพื้นที่สีเขียว 

4. ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ผลการดำเนินงานสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านขนส่งมวลชน 419.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านพลังงาน 14,288.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านพื้นที่สีเขียว 3,203.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และด้านการจัดการมูลฝอย 5,916.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งในปี 2565 กรุงเทพมหานครยังคงสานต่อการดำเนินการ 4 ด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ภาคีเครือข่าย ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน ประชาชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต มากกว่า 100 แห่ง และเจ้าของอาคารบ้านเรือนในถนน 100 สาย ยังได้ร่วมปิดไฟตามอาคาร ตึกสูง และบ้านเรือน พร้อมกับการปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ในสถานที่ที่เป็นแลนมาร์คของกรุงเทพมหานคร 5 สถานที่หลัก ประกอบด้วย 1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง 2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 3. เสาชิงช้า 4. สะพานพระราม 8 และ 5. ภูเขาทอง (วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร) ในวันดังกล่าวด้วย

 "กรุงเทพมหานคร หวังว่ากิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน จะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความร่วมมือ ที่จะนำไปสู่การผลักดันให้ทุกภาคส่วนในประเทศไทย เห็นความสำคัญในการลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติอย่างง่าย ๆ แต่จริงจังในทุกวัน ซึ่งความร่วมมือเล็ก ๆ แต่เมื่อทำบ่อยครั้ง จะเป็นพลังในการลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน" พล.ต.อ.อัศวิน ระบุ

ภาพจาก :  AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง