รีเซต

ชูต้นแบบ “เด แคร์” พัฒนาเด็กไทยด้วย “นมแม่และเลี้ยงดูคู่เรียนรู้”

ชูต้นแบบ “เด แคร์” พัฒนาเด็กไทยด้วย “นมแม่และเลี้ยงดูคู่เรียนรู้”
TNN ช่อง16
11 สิงหาคม 2566 ( 12:00 )
128
ชูต้นแบบ “เด แคร์” พัฒนาเด็กไทยด้วย “นมแม่และเลี้ยงดูคู่เรียนรู้”

มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ชูต้นแบบ "Day Care นมแม่ผลักดันสู่นโยบายสร้างเสริม

พัฒนาการเด็กไทยอายุ 3 เดือน - 3 ปี ผ่านการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ จับมีอกรมอนามัย และแพทย์-พยาบาลขับเคลื่อนต้นแบบสถานพัฒนาเด็กเล็ก เน้นนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน นมแม่อาหารตามวัยและการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย 

ปัจจุบันการให้ลูกได้กินนมแม่อย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องมีการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพที่สามารถยกระดับการเรียนรู้ของเด็กในช่วงวัย 3 เดือนถึง 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เรียกว่า "หน้าต่างแห่งโอกาสซึ่งข้อมูลวิชาการยืนยันว่าถ้าลูกได้กินนมแม่ลูกมีโอกาสฉลาด และยิ่งได้กินมากยิ่งมีโอกาสฉลาดมาก แต่จะมีผลดีมากกว่านี้ หากลูกได้รับนมแม่ควบคู่กับการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้แบบมีคุณภาพ Eorly Chilchood Educotion and Care(ECEC) 

ข้อมูลจากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย 2565 พบว่าเมื่อแม่ลาคลอดครบ 3

เดือนและต้องกลับไปทำงาน เด็กจะได้รับการเลี้ยงดูจากปู่ย่าตายายถึงร้อยละ 70.6 ซึ่งมีผลต่อคุณภาพในการเลี้ยงดูเด็กเล็ก เราจะมีวิธีการสนับสนุนให้เด็กได้กินนมแม่ครบ 6 เดือนได้อย่างไร 

ทำอย่างไรให้มีคนดูแลลูกแทนแม่ ให้ลูกได้อยู่ใกล้ๆ ให้แม่สามารถมาโอบกอดและเลี้ยงลูกได้ 

คำตอบก็คือการมี Day Care คุณภาพใกล้บ้านหรือในที่ทำงาน

มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จึงชูต้นแบบ 2 Day Care คุณภาพ “สถานส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น กรมอนามัย” และ “สวนเด็กสุทธาเวช โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ 

เพื่อกระตุ้นให้สังคมไทยเห็นความสำคัญของการมีสถานที่รองรับ ให้มีผู้ทำหน้าที่แทนแม่หรือผู้เลี้ยงดูที่ไม่พร้อม เพื่อให้ลูกยังคงได้กินนมแม่ และได้รับการเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้ที่เหมาะสม โดยเฉพาะช่วงอายุ 3 เดือน-3 ปี  ซึ่งเป็นช่องว่างสำคัญคือมีไม่เพียงพอของประเทศ

ทั้ง 2 สถานที่มีการให้บริการ การเลี้ยงดู และการดูแลเด็ก รวมถึงการจัดระบบและฝึกฝนตัวเด็กเองให้สามารถรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเองและการดำเนินชีวิตขั้นพื้นฐานได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งยังมีพื้นที่ให้เด็กพัฒนาความคิดและสมองเนื่องจากช่วงอายุ 3 ขวบปีแรกสมองมีการพัฒนาเร็วมากมีน้ำหนักมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อและการสร้างเครือข่ายของเซลล์สมองอย่างมหาศาล ส่งผลถึงพฤติกรรมและบุคลิคของเด็กเมื่อโตขึ้น

นพ.ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น กรมอนามัย กล่าวว่าปัจจุบันแม่สามารถลาคลอดได้ 3 เดือน แต่ในความเป็นจริงหลังคลอดเพียง 1 เดือนก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว การมีศูนย์ดูแลพัฒนาเด็กเล็ก 3 เดือนถึง 3 ปีที่มีคุณภาพจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำให้เด็กไทยกินนมแม่ได้นานที่สุด

“Day Care ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น มุ่งเน้นการดูแลเด็กตั้งแต่ 3 เดือนถึง 4 ปี ให้ครบทุกด้านทั้งร่างกาย จิตใจสังคม สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมพัฒนาการและจัดการเรียนรู้ตามช่วงวัย โดยใช้การเรียนรู้ผ่านการเล่น พัฒนาทักษะชีวิตรอบด้าน เน้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และนมแม่คู่อาหารตามวัยนานถึง 1 ปี ซึ่งเราพร้อมเป็นต้นแบบถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับพื้นที่อื่นๆ ในการขยายผลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีคุณภาพออกไปในพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ

ด้าน ผศ.นพ.เทพลักษณ์ ศิริธนะวุฒิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า สวนเด็กสุทธาเวช เป็น Day Care ของคณะที่ดูแลเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี โดยเน้นนมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นหลักเพราะเชื่อมั่นว่าการให้ลูกได้รับนมแม่ ได้อาหารตามวัย ไม่ปฏิเสธผัก เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญในการปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพที่ดี  

การเลี้ยงดูเด็ก ด้วยกิจกรรมรายวัน ที่ส่งเสริมมิติพัฒนา จิตใจ อารมณ์ สังคม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ภาษาที่ 2 จริยธรรม ความสุนทรี ความเข้าใจวัฒนธรรมอื่นๆ  เป็นเรื่องสำคัญที่สามารถทำได้แม้เด็กจะยังเล็กมาก ชมได้ผ่านwebsite สวนเด็กสุทธาเวช   เด็กต้องการการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพเพื่อสร้างสุขนิสัยและสุขภาวะที่ดี

ภาพโดยธนาชัย ประมาณพาณิชย์









ข่าวที่เกี่ยวข้อง