รีเซต

จับตาพายุ 2 ลูก กระทบไทยช่วงก.ย.-ต.ค.

จับตาพายุ 2 ลูก กระทบไทยช่วงก.ย.-ต.ค.
TNN ช่อง16
30 กรกฎาคม 2568 ( 08:57 )
17

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า ประเทศไทยเตรียมรับมือพายุ 2 ลูกใหญ่ที่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร


พายุลูกแรกในเดือนกันยายน: เสี่ยงกระทบภาคอีสานตอนล่าง

คาดว่าพายุลูกแรกจะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ตอนกลางของประเทศเวียดนามในช่วงเดือนกันยายน โดยมีความรุนแรงใกล้เคียงกับพายุโซนร้อน “วิภา” ในอดีต หากพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งที่เมืองดานัง จะส่งผลโดยตรงต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเวียดนามเพียง 200 กิโลเมตร


ในกรณีที่ภาคเหนือตอนล่างยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำเหนือจะไหลลงมาสมทบกับพื้นที่ภาคกลาง เช่น สิงห์บุรีและอ่างทอง หากเกิดพายุลูกที่สองซ้ำในช่วงเวลาดังกล่าว อาจก่อให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงคล้ายกับปี 2538 ที่เคยมีระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา สูงถึง 2.27 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์

พายุลูกที่ 2 ในเดือนตุลาคม: จับตาน้ำท้ายเขื่อน-เสี่ยงล้นตลิ่งภาคกลาง

พายุลูกที่สองคาดว่าจะเคลื่อนเข้าช่วงเดือนตุลาคม โดยจะทำให้ฝนตกหนักบริเวณท้ายเขื่อนหลายแห่งในภาคกลาง กรมชลประทานจึงเตรียมแผน “จราจรน้ำ” เพื่อบริหารการระบายน้ำทั้งสองฝั่ง ได้แก่ ฝั่งตะวันตกที่จะระบายน้ำลงแม่น้ำท่าจีน และฝั่งตะวันออกที่จะระบายน้ำลงคลองชัยนาท–ป่าสัก ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงวิกฤตที่ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง

ส่วนกรุงเทพมหานครเองก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมซึ่งอาจเผชิญสถานการณ์ “3 น้ำ” พร้อมกัน ได้แก่

  1. น้ำเหนือ ที่ไหลลงมาจากภาคเหนือ
  2. น้ำฝน จากพายุที่ตกหนักเฉพาะพื้นที่ หรือ “เรนบอมบ์” (Rain Bomb)
  3. น้ำทะเลหนุน จากปรากฏการณ์ตามฤดูกาล

ด้วยผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดฝนตกหนักเฉพาะจุดมากขึ้นเรื่อย ๆ และกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบจาก “เรนบอมบ์” มาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 โดยนายชวลิตเน้นย้ำว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งวางแผนล่วงหน้า ติดตามสถานการณ์พายุอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานข้อมูลกับกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมชลประทาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำซ้อนในช่วงปลายปีนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง