เปิดเงื่อนไข "คนละครึ่ง" แจกเงิน 3,000 บาท 15 ล้านคน ผ่านแอปฯ เป๋าตัง

วันนี้ (3 ก.ย.63) นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มาตรการ "คนละครึ่ง" เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศวงเงิน 45,000 ล้านบาท มีเป้าหมายประชาชน 15 ล้านคน ซึ่งผ่านความเห็นชอบของศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ "ศบศ." ไปเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ คือตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม จากมาตรการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท และเกิดผลต่อจีดีพีไม่น้อยกว่า 0.28%  

ทั้งนี้ มาตรการ "คนละครึ่ง" รัฐบาลให้วงเงินผู้เข้าร่วมโครงการคนละ 3,000 บาท เพื่อไปซื้อของ โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องควักเงินของตนเองครึ่งหนึ่ง หรือ 50% มาใช้ร่วมกับเงินของรัฐบาล เช่น ถ้าซื้อสินค้า 100 บาท ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่าย 50 บาท รัฐจ่าย 50 บาท และหากต้องการใช้เงินที่รัฐให้ทั้งหมด 3,000 บาท ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีเงิน 3,000 บาท ตรงนี้ถือว่าเป็นเงินต่อเงิน ซึ่งจะมีส่วนช่วยเหลือเศรฐกิจ เป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอีกช่องทางหนึ่ง 

นายลวรณ กล่าวต่อว่า การใช้เงินจะถูกจำกัดไว้ที่วันละ 100-200 บาท ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เท่านั้น ขณะนี้กำลังประเมินความเหมาะสมของจำนวนเงินต่อวันควรอยูที่เท่าใด โดยเงินที่รัฐบาลให้นั้นต้องใช้ให้หมดวันต่อวัน หากใช้ไม่หมดจะไม่สามารถเก็บไว้ใช้ในวันต่อไปได้

นอกจากนี้ ต้องนำใช้ในร้านค้ารายย่อยที่ขึ้นทะเบียน “ถุงเงิน” ไว้กับธนาคารกรุงไทย เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าว หาบเร่ แผงรอย  ซึ่งการกำหนดวงเงินใช้จ่ายต่อวันที่ 100-200 บาท เพราะรัฐบาลต้องการให้การใช้เงินกระจายลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี และไม่ต้องการให้ใช้จ่ายครั้งเดียววันละ 1,000 บาทเหมือนกับมาตรการชิมช้อปใช้ที่ดำเนินการไปก่อนหน้า