โลกร้อนยิ่งแห้งแล้ง “อังกฤษ” สร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ ในรอบ 30 ปี แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ

รัฐบาลอังกฤษได้อนุมัติให้ดำเนินการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่งในเขต East Anglia และ Lincolnshire ซึ่งถือเป็นโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ครั้งแรกของประเทศในรอบกว่า 30 ปี นับตั้งแต่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1992

ปัญหาการขาดแคลนน้ำที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่แห้งแล้งกว่าที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และมีแนวโน้มว่าจะเกิดภัยแล้งในช่วงฤดูร้อนบ่อยขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แหล่งน้ำในอังกฤษเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤต รัฐบาลและหน่วยงานสิ่งแวดล้อมเตือนว่า หากไม่มีการลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ ประเทศอาจเผชิญกับการขาดแคลนน้ำราว 5 พันล้านลิตรต่อวันภายในปี 2050

ทางด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ระบุว่า ฤดูใบไม้ผลิในปีนี้เป็นช่วงที่อังกฤษแห้งแล้งที่สุดในรอบ69 ปี ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงต่ำจนเกือบวิกฤต แม้ว่าจะต้องรอยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 

รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม สตีฟ รีด ประกาศให้โครงการอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่งนี้เป็น "โครงการระดับชาติ" เพื่อเร่งผลักดันและลดขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลยืนยันว่ากำลังสนับสนุนผู้สร้างไม่ใช่ผู้ขัดขวาง โดยมีแผนจะปรับปรุงกระบวนการวางแผนให้รวดเร็วขึ้น และเดินหน้าอ่างเก็บน้ำใหม่ทั้งหมด 9 แห่ง เพื่อรับมือกับวิกฤตน้ำและปลดล็อกการสร้างที่อยู่อาศัยที่หยุดชะงักในหลายพื้นที่เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำรองรับได้เพียงพอ

อ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ในเขต Lincolnshire ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Sleaford คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานภายในปี 2040 โดยอ่างเก็บน้ำนี้จะสามารถจ่ายน้ำได้ถึง 166 ล้านลิตรต่อวัน รองรับความต้องการของบ้านเรือนได้ราว 500,000 หลัง ขณะเดียวกันยังมีการเสนอสร้างอ่างเก็บน้ำ Fens ซึ่งตั้งเป้าเปิดใช้งานในปี 2036 โดยมีศักยภาพในการจ่ายน้ำ 87 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับบ้านเรือนราว 250,000 หลังในภูมิภาคที่แห้งแล้งที่สุดของอังกฤษ

อย่างไรก็ตามทั้งสองจะเข้าสู่ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อพิจารณารายละเอียดด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบ ก่อนเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบ นโยบายใหม่นี้ไม่เพียงช่วยเสริมความมั่นคงด้านแหล่งน้ำในระยะยาว แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยของประชากรในอนาคตอีกด้วย