รีเซต

เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
26 มกราคม 2565 ( 09:45 )
229
เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,630-1,645 จุดและความผันผวนยังอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในวันนี้ คือ ผลการประชุม FED ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.25% (ความน่าจะเป็น 94%) สิ่งที่ตลาดจับตา คือ การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน มี.ค. 22 รวมถึงแนวโน้มการเริ่มลดขนาดงบดุล ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นใน 2H22 ซึ่งคาดว่า FED จะยังใช้วิธีการสื่อสารฯอย่างนุ่มนวลไม่ให้ตลาดเกิด Panic และคาดอาจทำให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายลงบ้าง 

 

ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนยังต้องติดตามต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยในประเทศโดยรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยโฟกัสหลักยังอยู่ที่การทยอยประกาศผลประกอบการฝั่ง Real Sector กลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และ มี PER/PBV ไม่สูงคาดว่าจะเผชิญแรงขายที่จำกัดและ Outperform ตลาดได้ในระยะนี้ 

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น PER/PBV ต่ำ และหุ้นที่คาดกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือนม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

 

หุ้นเด่นวันนี้ : TKS

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท

• คาดกำไร 4Q21 เติบโตโดดเด่นตาม SYNEX ที่เป็น High Season ขณะที่ 1Q22 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้า IT มากที่สุด 

• ราคาหุ้นของ TKS ปัจจุบันยังคงมี Discount จาก NAV ของ SYNEX กว่า 30% และเทรด PER เพียง 13 เท่า ซึ่งค่อนข้างต่ำหลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระยะสั้นประเมิน Downside จำกัดขึ้น 

• แนวรับ 13.90-14 บาท แนวต้าน 14.50-14.70//15.30 บาท       

 

**บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด คาด SET เคลื่อนไหวภายในกรอบระหว่าง 1623-1648 จุด เพื่อรอผลประชุมเฟดในคืนนี้ โดยให้ระวัง negative surprise อาทิเช่น การขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ และ/หรือ QE จบเร็วกว่าคาด และ/หรือ QT เร็วและแรงกว่าคาด จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดต่อ ด้านจุดติดตามอยู่ที่ 1648 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นภาพการฟื้นตัวชัดขึ้น กลยุทธ์ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ส่วนพอร์ตหลักจุดซื้อเพิ่มรอคำแนะนำอีกครั้ง

 

ล็อคเป้าลงทุน

-แม้ตลาดมองข้ามความเสี่ยง Omicron และรับรู้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ยังไม่รับรู้มากนักสำหรับประเด็นความเสี่ยงที่เฟดจะลดขนาดงบดุล (QT) ทำให้กลยุทธ์

 

การลงทุนจึงยังคงเน้น Selective Buy ในหุ้นคุณภาพดี ดังนี้

-Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตไว้ที่ 50% ในหุ้นพื้นฐานดีและผลการดาเนินงานมีแนวโน้มโตดี หรือเป็นหุ้น S-Curve อย่าง KBANK GPSC, INTUCH, SPALI,AMATA, LH, GULF, DELTA, ADVANC, ONEE

 

-Weekly Portfolio : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำ เก็งกาไรน้าหนักไม่เกิน 25% ในหุ้นที่คาดหวังเกิดการรีบาวน์ได้หลังทราบผลประชุมเฟด เลือก SYNEX,SINGER, ACE, HANA, KCE

 

Daily Focus : แนะนำ KCE มองราคาปรับลงแรงในระดับหนึ่งแล้ว (-15.1%YTD) สวนทางกำไรที่คาดโต 35%YoY ในปี 65 และ PTTEP ซึ่งได้โมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้นแรง (WTI +2.8%DoD) อีกทั้งผลประกอบการ 4Q64 คาดแข็งแกร่ง

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ปรเมินตลาดน่าจะทรงๆ นักลงทุนควรรอดูผลประชุม FOMC เช้าวันพรุ่งนี้ (27) ค่อยตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย ประเมินตลาดจะลบถ้า Fed ประกาศอะไรก็ตาม ที่ทำให้นักลงทุน Surprise หรือตกใจ แต่ในทางกลับกันหากทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย หรือตามคาด ตลาดหุ้นอาจจะดีก็ได้  เช่นเดียวกับวันก่อน ที่เรายังมองว่าดัชนีฯที่ระดับ 1630-1640 จุด เป็นจุดเข้าซื้อจุดแรก ส่วนจุดซื้อที่สอง คือรอหลังทราบผลประชุม FOMC แล้ว นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดี เราชอบ TISCO, KKP, PTT  

 

พอร์ตหุ้นวันนี้เราเพิ่มหุ้น TRUE* เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นประกอบด้วย TRUE*(15%),RS(15%), BBL(15%), JMART*(15%), PTT*(15%), IVL(10%), GULF(10%)

 

Strategy Stock Pick

TRUE*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 5.00 บาท) “หุ้นสาย Domestic เด่น, ปี 22 ลุ้นการ Turn Around”

-หุ้น Domestic Play เหมาะสมกับตลาดผันผวน, ปี 22 ผลการดำเนินงานมีโอกาส Turn around หนุนด้วยการบริโภคที่ฟื้นตัว

- การ Amalgamation เป็นบวกกับทั้งอุตสาหกรรม ลดการแข่งขันด้านราคาในระยาว หนุน ARPU เพิ่มฐานลูกค้าและ Coverage

- Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022 ขาดทุน ที่ 448 ลบ. และพลิกเป็นกำไรที่ 1.14 พัน ลบ. ในปี 2023 ตามลำดับ

 

Te chnical : RBF, BWG

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมิน SET Index ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,650 รอผลการประชุมเฟดและรายงานกำไร Q4/64 กลุ่ม Real Sector แนะนำซื้อ KBANK,SCB,KTB,BLA (+ดอกเบี้ยขาขึ้น)/ พลังงาน PTT,PTTEP,SPRC / เก็งกำไร RBF,DOD,GUNKUL( +คลายล็อคกัญชา )  

 

PJW* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.00 บาท) ประเด็นการลงทุนบริษัทได้วางเป้าหมายรายได้ในปี 65 เติบโต 12-15%YoY จากการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสัดส่วนราคาได้จากบรรจุภัณฑ์น้ำมันเครื่องจะทยอยลดลงมาที่ 50% แทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ในธุรกิจทางการแพทย์ บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร (นมเปรี้ยว) และยานยนต์ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจในจีนที่เคยเป็นตัวถ่วงจะเริ่มกลับมาทำกำไร โดยยังมี Upside จากการแตกไลน์ธุรกิจไปลงทุน Floating Solar รวมถึงซื้อหุ้น บริษัท มาสเตอร์ ลอนดรี้ ให้บริการกลุ่มโรงพยาบาล และโรงงาน ทั้งนี้ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวจากแนวพัก ประกอบกับ Valuation ไม่แพงที่ PER 14.7 เท่า

 

SHR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.80 บาท) คาดหวังการฟื้นตัวที่รวดเร็วจากพอร์ตโรงแรมที่มีสัดส่วนอยู่ใน UK มากถึง 66%(นับตามจำนวนห้อง สัดส่วนรายได้ราว 35% ในช่วงปกติ) ซึ่งเป็นประเทศที่ประชากรได้ฉีดวัคซีน Covid-19 แล้วครบโดส ราว 71.6% ขณะที่คาดว่าโรงแรมใน Maldives(สัดส่วน 9% จำนวนห้อง สัดส่วนรายได้ราว 30% ในช่วงปกติ) ยังคงฟื้นตัวได้ดีจากนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย โดยยอดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศใน Maldives ช่วงเดือน ต.ค. – ธ.ค. 64 อยู่ที่ 451,070 ราย ใกล้เคียงระดับปกติ Pre-Covid ในปี62 ที่ 451,197 ราย ด้านโรงแรมในไทย(สัดส่วน 13% จำนวนห้อง สัดส่วนรายได้ราว 20% ในช่วงปกติ) รับ Sentiment บวกจากการ Reopening ในช่วงเดือน พ.ย.64 รวมถึงม.ของภาครัฐฯ คือ เราเที่ยวด้วยกัน ที่พึ่งมีมติ เฟส4 ออกมา  ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี64 SHR* จะขาดทุนลดลงจากปี63 ที่ EPS -0.66 บ./หุ้น มาเป็น -0.37 บ./หุ้น และจะพลิกมีกำไรในปี65 ที่ 0.01 บ./หุ้น ตามลำดับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง